เบื้องหลังรอยยิ้มอมตะ "โมนาลิซ่า" ศิลปะที่ผ่านสงครามและการโจรกรรม

เบื้องหลังรอยยิ้มอมตะ
ภาพศิลปะที่โด่งดังที่สุดในโลก “โมนาลิซ่า” รอยยิ้มของผู้หญิงที่ผ่านสมรภูมิสงครามและการโจรกรรม แต่ยังคงยืนหยัดได้อย่างงดงามเหนือกาลเวลา

ถ้าจะให้เปรียบภาพที่ดังที่สุดในโลก อย่าง “โมนาลิซ่า” เป็นหญิงสาวที่มีตัวตนจริงๆ เธอคงจะเป็นคนที่แข็งแกร่งมากพอสมควร เพราะกว่าจะยืนหยัดอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงปารีส ได้อย่างสง่างามเหมือนอย่างทุกวันนี้ เธอผ่านมรสุมชีวิตมาได้อย่างที่ใครก็คงคิดไม่ถึง 

ภาพหญิงสาวอมตะที่ทุกคนคุ้นเคย ถูกสร้างสรรค์โดยศิลปินระดับตำนาน อย่าง ลีโอนาร์โด ดาวินชี และกลายเป็นผลงานชิ้นเอกของเขา ตั้งแต่ยุคเรเนซองส์ ในปี ค.ศ. 1503 เขาวาดภาพนี้ระหว่างที่อาศัยอยู่ในประเทศอิตาลี แต่ช่วงเวลาที่ภาพนี้เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ยังเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน บางแหล่งข้อมูลระบุว่า เสร็จสิ้นในปี 1503, 1517 หรือบางแหล่งก็บอกว่า เสร็จสิ้นก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1519 

ผู้หญิงที่อยู่ในภาพ เชื่อกันว่า เป็นภาพเหมือนของ “ลิซ่า เดล โจคอนโด” สาวอิตาลีที่เป็นภรรยาของ “ฟรานเชสโก เดล โจคอนโด” พ่อค้าขายผ้าไหม โดยเขาได้จ้างให้ดาวินชีวาดภาพเหมือนของเธอ และอารมณ์ของเธอจากภาพ ที่ไม่ได้บ่งบอกได้อย่างแน่ชัดว่า เธอกำลังมีความสุข เศร้า หรือกำลังยิ้ม ก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ภาพวาดนี้น่าหลงใหลและชวนหาคำตอบมากยิ่งขึ้น

ดาวินชีนำภาพนี้ติดตัวไปด้วยแทบทุกที่ และได้ถูกเชิญไปทำงานในพระราชวัง Clos Lucé ยุคกษัตริย์ “ฟรานซิส ที่ 1” และหลังจากเสียชีวิตภาพโมนาลิซ่า ก็ได้ถูกนำไปเก็บไว้ที่พระราชวังฟงแตนโบล ก่อนถูกส่งต่อไปยังพระราชวังแวร์ซายส์ และหมุดหมายปลายทางสุดท้ายหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ภาพนี้ได้ถูกนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ตั้งแต่ปี 1804 

ถูกขโมยออกจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ 

กระทั่งในปี 1911 เป็นช่วงที่ทำให้ภาพโมนาลิซ่า ยิ่งเป็นที่รู้จักและกลายเป็นภาพแห่งตำนาน เมื่อถูกขโมยออกจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ โดยพนักงานชาวอิตาลีที่ชื่อ “วินเซน โซ เปรุจจา” ด้วยความเป็นชาตินิยมที่มองว่า ภาพนี้วาดโดยศิลปินชาวอิตาลี ก็ควรส่งกลับไปไว้ที่บ้านเกิดที่แท้จริง นั่นก็คือ อิตาลี เช่นเดียวกัน 

ผ่านเวลาไป 2 ปีที่ภาพนี้ถูกซ๋อนไว้ ก่อนถูกค้นพบในปี 1913 ที่เมืองฟลอเรนซ์ และนั่นก็ทำให้ภาพโมนาลิซ่าถูกส่งกลับคืนมายังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ตามเดิม

หลบหนีระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 

อีกเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นกับโมนาลิซ่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ลูกระเบิดที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะตกสู่หลังคาพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เมื่อไร ทำให้มีการเคลื่อนย้ายภาพโมนาลิซ่าหลายครั้งไปทั่วฝรั่งเศส กว่าที่การปะทะความรุนแรงจะสงบลงอีกครั้ง 

ถูกขว้างด้วยกรดและก้อนหิน

ในปี 1956 มีความพยายามที่จะทำลายภาพโมนาลิซ่าด้วยกันถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกมีคนร้ายได้สาดกรดใส่ภาพวาด จนทำให้ผืนผ้าใบส่วนล่างได้รับความเสียหาย จากนั้นจึงมีการติดแผ่นกระจกไว้เพื่อป้องกัน ไม่นานในปีเดียวกัน มีชายได้ขว้างก้อนหินใส่ภาพวาด ด้วยเหตุผลที่มีก้อนหินในมือและจู่ๆ ก็อยากขว้างขึ้นมา แต่ด้วยการป้องกันจากเหตุการณ์ครั้งแรก จึงทำให้ครั้งนี้ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลัง 2 เหตุการณ์ผ่านพ้นไป ทางพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ได้เพิ่มความปลอดภัย โดยการติดกระจกป้องกันกระสุนที่มีความหนาเป็นพิเศษ พร้อมกับระบบควบคุมอุณหภูมิอย่างดีไว้ห้องโถงที่ใหญ่ที่สุดของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ อย่าง ห้องซาลเดส์เอตาส์ ที่ว่ากันว่า มีผู้ที่หลงใหลภาพโมนาลิซ่าไม่ต่ำว่า 2-3 หมื่นคนต่อวัน ตั้งใจเข้าไปดื่มด่ำความงามของศิลปะชิ้นนี้

กาลเวลาที่ยาวนานกว่า 500 ปี ไม่อาจทำอะไรภาพโมนาลิซ่าได้ และน่าประหลาดใจ เพราะแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาดีกับเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ทุกครั้งเธอกลับฟื้นคืนชีพมาได้อย่างสง่างาม นี่จึงเป็นที่มาของรอยยิ้มอมตะของเธอที่ยังตราตรึงในใจผู้คนทั่วโลกได้

 

PHOTO : KENZO TRIBOUILLARD / AFP

SOURCE : 

https://mastersexpo.com/en/monalisa-louvre-damaged/ 

https://www.pbs.org/kenburns/leonardo-da-vinci/the-mona-lisa

TAGS: #Art #Monalisa #LeonardodaVinci #โมนาลิซ่า