ผู้นำสินเชื่อแบรนด์เนมรายแรกของโลก เดินหน้าขยายธุรกิจทั่วประเทศ พร้อมจัดแคมเปญลดดอกเบี้ย-ย้ายค่ายฟรี! เตรียมยื่น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2573 หลังนักลงทุนสนใจร่วมทุนเพียบ

“แบรนด์เนม มันนี่” ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อและขายฝากสินค้าแบรนด์เนมหรูรายแรกของโลก ฉลองครบรอบ 1 ปีหลังดำเนินธุรกิจ ปล่อยสินเชื่อทะลุเป้า 200 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าพอร์ตโตแตะ 1,000 ล้านบาทภายในปี 2571 และวางแผนยื่น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2573

ปพน มนัสภากร CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท เผยว่า ปัจจุบันแบ่งพอร์ตสินเชื่อออกเป็น 3 ประเภทหลัก:

• ขายฝากสินค้าแบรนด์เนมหรู: 150 ล้านบาท

• สินเชื่อเช่าซื้อ (ผ่อนไปใช้ไป): 30 ล้านบาท

• สินเชื่อผ่อนจบรับของ: 20 ล้านบาท

แคมเปญฉลองปีแรก ลดดอกเบี้ย-ย้ายค่ายฟรี

เพื่อตอบแทนลูกค้า บริษัทจัดแคมเปญลดดอกเบี้ยสินเชื่อขายฝากเดือนแรกเหลือเพียง 0.50% และเปิดบริการ “ย้ายค่าย” โดยไถ่ถอนสินค้าจากที่เก่าให้ฟรี ช่วยลูกค้าที่เคยโดนคิดดอกเบี้ยแพงหรือได้วงเงินต่ำ พร้อมบริการรับของถึงบ้าน ฟรี! พร้อมอุปกรณ์กันกระแทกและประกันสินค้าเต็มรูปแบบ

ร่วมมือร้านแบรนด์เนมมือสองกว่า 70 รายทั่วประเทศ

บริษัทผนึกกำลังกับพันธมิตรร้านแบรนด์เนมมือสองชั้นนำ เช่น Bagnifique Brandname, SF Brandname, Clara Brandname เพื่อสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

“เศรษฐกิจไม่ว่าจะดีหรือแย่ ธุรกิจเราก็เติบโตได้ เพราะช่วงแย่คนต้องการเงินสด ช่วงดีคนอยากซื้อของ” – ปพน กล่าว

เดินหน้าสร้างระบบ AI – ขยายจุดบริการทั่วประเทศ

แผนระยะกลาง (ปี 2569–2571):

• ขยายสาขาและจุดรับขายฝากทั่วประเทศ

• พัฒนา Credit Scoring และ AI Risk Model เฉพาะสำหรับสินค้าแบรนด์เนม

• ยกระดับการบริหารความเสี่ยง ใช้ระบบอนุมัติสินเชื่ออย่างรัดกุม และทีม Collection + กฎหมายเข้มแข็ง

เตรียมเข้าตลาดหุ้นในปี 2573

เป้าหมายระยะยาว คือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2573 ผ่านการเสนอขายหุ้น IPO พร้อมเปิดรับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยปัจจุบันเริ่มมีสถาบันการเงินและบริษัทในตลาดหุ้นแสดงความสนใจร่วมลงทุนจำนวนมาก

“เราจะคัดเลือกพาร์ทเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์ตรงกัน เพราะเราไม่ได้เป็นแค่ผู้ปล่อยกู้ แต่คือผู้สร้างสภาพคล่องให้กับคนรักแบรนด์เนม” – ปพน กล่าว

คำมั่นจากแบรนด์เนม มันนี่

บริษัทยึดหลักให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม ไม่กดราคาสินค้า และเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงสินค้าแบรนด์เนม โดยไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ตามสโลแกน “ใครๆ ก็ใช้แบรนด์เนมได้”