เบื้องหลังเหตุการณ์
- ถ้าเกิดมีใครมาบอกว่า "เราคือลูกขององค์ศากยมุนี" ปฏิกิริยาแรกของผู้คนก็คงเป็นความไม่เชื่อ เพราะ "ลูก" คนเดียวของพระศากยมุนีพุทธเจ้า หรือพระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานเมื่อ 2567 ปีที่แล้วนั้น มีเพียงองค์เดียว นั่นคือ "พระราหุล" ซึ่งออกบวช และบรรลุอรหันต์ และต่อมาได้นิพพานไปแล้วเมื่อสองพันกว่าปีก่อน ดังนั้นถ้าจะมีใครอ้างว่าเป็น "ลูกขององค์ศากยุมุนี" จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
- แต่มีกลุ่มบุคคลหนึ่งเชื่อถือคำกล่าวอ้างของ "เด็กวิเศษ" คนหนึ่งที่บอกว่าตนเองคือลูกขอพระศากยมุนี และยังเกี่ยวข้องกับพญานาค และยังเป็นพระอนาคามี ฯลฯ ทำให้มีคนกลุ่มหนึ่งเชื่อถือศรัทธาว่าเป็นเรื่องจริง แต่คนจำนวนมากในสังคมตั้งคำถามถึงการอ้างแบบนี้ และยังร่วมกันตรวจสอบความจริงเบื้องหลังว่า "ลัทธิเด็กวิเศษ" ที่มีข่าวมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปี 2567 ตกลงแล้วเป็นความเชื่อแบบไหนกันแน่
ลูกพระพุทธเจ้าของแท้
1. อย่างที่ระบุไว้ข้างต้น ลูกพระพุทธเจ้าที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว คือพระราหุล พระโอรสในเจ้าชายสิทธัตถะ (พระโคตมพุทธเจ้า หรือศากยมุนีพุทธเจ้า) กับพระนางยโสธรา ประสูติในวันที่พระบิดาออกผนวช ต่อมา เมื่อพระราหุลได้พบกับพระบิดาอีกครั้ง เมื่อพระบิดาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าก็ทรงบรรพชาพระราหุลเป็นสามเณรและให้เสด็จติดตามพระองค์ไปด้วย พระกุมารราหุลจึงเป็นสามเณรรูปแรกในพุทธศาสนา เมื่ออายุครบ 20 ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ และเพราะท่านชอบการศึกษาหรือขยันหมั่นในการเล่าเรียน จึงได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่า "เอตทัคคะ"(ผู้เลิศกว่าคนอื่นในด้านใคร่การศึกษา)ในด้านการเป็นผู้ใคร่ในการศึกษา ทั้งนี้ พระราหุลเถระนิพพานเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานระบุชัด ทราบเพียงว่า ท่านปรินิพพานก่อนพระอัครสาวกทั้งสอง และก่อนพระพุทธเจ้า โดยการทูลลาพระพุทธเจ้าไปนิพพานที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
2. นอกจากพระราหุลแล้ว พระศากยมุนีพุทธเจ้าไม่ได้มีพระโอรสหรือพระธิดาอีก (นั่นคือไม่มีลูกคนอื่นอีก) ดังนั้น ใครจะมาอ้างเป็นลูกของพระพุทธเจ้าจึงเป็นไปม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในทางพุทธศาสนา มีคำบางคำที่ใช้ในความหมายว่า "ลูกพระพุทธเจ้า" ในเชิงเปรียบเทียบ นั่นคือคำว่า "ชินบุตร" (ภาษาสันสกฤต คือ ชินปุตฺร) แปลตรงตัวก็คือ "ลูกของชินะ" คำว่า ชินหรือชินะ เป็นพระสมัญญา (ฉายา) หนึ่งของพระพุทธเจ้า แปลว่าผู้ชนะ และที่คุ้นเคยกันคือการใช้ในการตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์สำคัญ พระพุทธชินราช (แปลว่าราชาผู้ชนะ) และพระพุทธชินสีห์ (แปลว่าสิงห์ผู้ชนะ สิงห์หรือศากยสิงห์เป็นฉายาหนึ่งของพระพุทธเจ้าเช่นกัน) แต่คำว่า "ชินบุตร" เป็นคำที่ใช้ในทางวรรณคดีทางศาสนาและมีความลึกซึ้ง ไม่ค่อยใช้กันทั่วไป ในตำราของพุทธศาสนาเถระวาทหมายถึง "พระภิกษุสงฆ์" ส่วนในพุทธศาสนามหายาน คำนี้หมายถึง "พระโพธิสัตว์" ตามนิยามที่ให้ไว้ในพจนานุกรมมหาวยุตปัตติ (Mahāvyutpatti) ที่ใช้กันในทิเบต
3. เมื่อพูดถึงพระโพธิสัตว์ตามคำสอนของนิกายมหายาน (หมายถึงบุคคลที่ยังไม่ยอมบรรลุธรรมเพียงลำพัง แต่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ก่อนตัวเองจะบรรลุธรรม" มีหลักคำสอนที่ต่างจากนิกายเถรวาทเดี่ยวกับเรื่องพระราหุล โดยฝ่ายเถรวาทบอกว่าท่านได้นิพพาน (ตาย) ไปแล้ว แต่ในคัมภีร์มหายานบางแห่งบอกว่าท่านยังไม่ได้นิพพาน นั่นคือ "สัทธรรมปุณฑรีกสูตร" พระสูตรหรือคัมภีร์สำคัญของนิกายมหายาน บอกว่าพระราหุลได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่า ท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต มีพระนามว่า "สัปตะรัตนะปัทมะวิกรมตถาคต" แล้วพระศากยมุนีพุทธเจ้าก็ตรัสว่า "เมื่อเรายังเป็นเจ้าชาย ราหุลเป็นบุตรคนโตของเรา บัดนี้เราได้บรรลุมรรคผลแห่งพุทธะแล้ว ราหุลก็รับคำสอนของเราเป็นทายาทแห่งธรรม ในอนาคตราหุลจะได้พบกับ พระพุทธเจ้าจำนวนประมาณมิได้นับโกฏิพระองค์ กลายเป็นชินบุตรองค์โตของพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านี้ เขาจะแสวงหาอย่างสุดใจ ซึ่งมรรคผลแห่งพุทธะ มีเพียงเราเท่านั้นที่สามารถจำแนกได้ ซึ่งการปฏิบัติของราหุลที่คนอื่นไม่อาจมองเห็น แต่ตอนนี้เมื่อราหุลเป็นลูกชายคนโตขอเรา เขาก็เปิดเผยแก่สรรพสัตว์ ของเขาจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งบุญกุศลเป็นโกฏินับไม่ถ้วนและคำนวณไม่ได้ เขาจะมั่นคงในพุทธธรรม และแสวงหามรรคผลอันสูงสุด"
4. ในสัทธรรมปุณฑรีกสูตรกล่าวว่า "ราหุลเป็นบุตรคนโตของเรา" คำว่า "บุตรคนโต" เป็นสำนวนโวหารในเชิงให้เกียรติ เพราะทุกคนทราบว่าพระศากยมุนีทรงมีบุตรเพียงคนเดียว แต่เพื่อให้เกียรติพระราหุล จึงเรียกท่านว่า "บุตรคนโต" จากคติของนิกายมหายานนี้ จะเห็นว่าพระราหุลเป็นทั้งพระอรหันต์และยังเป็นทั้งพระโพธิสัตว์ด้วย รอวันที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้า ซึ่งแม้ว่าแนวคิดจะต่างจากเถรวาทตรงที่อรหันต์จะนิพพานไปเลย ไม่ได้เป็นโพธิสัตว์อีก สถานะโพธิสัตว์ของมหายานไม่ใช่เป็นกันง่ายๆ ต้องผ่านการบำเพ็ญเพียรยาวนานและต้องผ่านชั้นตอนถึง 10 ขั้น หรือเรียกว่า "ทศภูมิ" จึงจะถึงระดับที่เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตได้ ดังนั้น แม้ว่าตามความเชื่อของมหายาน พระราหุลจะยังไม่นิพพาน แต่คนที่จะเป็น "ชินบุตร" ระดับท่านได้จะต้องมีคุณสมบัติที่สูงส่งอย่างมาก
5. อีกคำที่ใช้กันคือ "พุทธบุตร" (ภาษาบาลีเขียนว่า พุทฺธปุตฺโต) แปลว่า ลูก (บุตร) ของพระพุทธเจ้า (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ในพจนานุกรม A.P. Buddhadatta Mahathera, Concise Pali-English and English-Pali Dictionary ให้ความหมายว่า a disciple of a Buddha หรือ ศิษย์ของพระ"พุทธเจ้า" แต่คำๆ นี้มีการให้ความหมายที่ลึกซึ้งลงไปอีก ไม่ใช่แค่แปลว่าลูกของพระพุทธเจ้า แต่หมายถึง "พระอริยเจ้า" นั่นคือผู้บรรลุธรรมระดับโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ไปจนถึงพระอรหันต์ แต่ยังมีการอธิบายที่พืสดารเข้าไปอีก ในหนังสือ "คู่มือชาวพุทธเล่ม 2" ของพระภาวนาเขมคุณ หรือ (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี) วัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า "บุตร" (ของพระพุทธเจ้า) หมายถึง "พุทธบุตรที่เป็นอริยสาวกผู้เป็นพรหม" นั่นคือ ลูกพระพุทธเจ้าไม่ใช่แค่เป็นพระอริยะเจ้า แต่เมื่อดับขันธ์จากโลกนี้ไปแล้ว เมื่อยังไม่ถึงขั้นอรหันต์ ท่านจะไปเป็นพรหมอยู่ชั้นสุธาวาส
ดังนั้น ถ้าไม่ใช่พระภิกษุหรือพระโพธิสัตว์ หรือยิ่งไม่ใช่พระอริยเจ้าระดับต่างๆ หรือแม้แต่เป็นพระพรหมที่บรรลุธรรม การอ้างว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอ้างเป็น "ลูกโดยสายเลือด" ของพระพุทธเจ้า นั่นคือ พระราหุล ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้
รายงานพิเศษโดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Illustration - ภาพพระราหุล ศิลปะทิเบต ถือมงกุฏคาดว่าแสดงถึงฐานะความเป็นชินบุตรหรือลูกพระพุทธเจ้า ภาพนี้วาดขึ้นสมัยศตวรรษที่ 16 ปัจจุบันอยู่ที่ Rubin Museum of Art นิวยอร์ก, สหรัฐฯ