KBank พาแก้โจทย์ยาก เปิดแนวทาง จัดการทรัพย์สิน-ธุรกิจครอบครัว ส่งต่อความมั่งคั่งสู่รุ่นต่อไป

KBank พาแก้โจทย์ยาก เปิดแนวทาง จัดการทรัพย์สิน-ธุรกิจครอบครัว ส่งต่อความมั่งคั่งสู่รุ่นต่อไป
KBank Private Banking ชี้! แนวทางการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว พร้อมแนะแผนบริหารทรัพย์สินเบื้องต้น เพื่อสร้างความมั่งคั่งในธุรกิจครอบครัวไทย

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมจัดงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในงาน “The 3rd SET Annual Conference on Family Business: Transforming Family Business” เพื่อสร้างองค์ความรู้และขยายโอกาสการลงทุนให้กับธุรกิจครอบครัวในประเทศไทย โดยภายในงานครั้งนี้นอกจากได้พบกับ Dr. Matt Allen กูรูระดับโลกด้านการปั้น Next Gen และทายาทครอบครัว “เซ็นทรัล-ไทยประกันชีวิต” ผู้เข้าร่วมยังได้รับสิทธิพิเศษ Workshop ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจาก 4 องค์กรชั้นนำ

โดยทาง KBank Private Banking มองว่าการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัวเป็นเรื่องที่ซับซ้อนกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่มีความเสี่ยงทั้งจากภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและภาษีที่มีแนวโน้มการจัดเก็บจากบุคคลที่มีสินทรัพย์สูงมากขึ้น หรือความขัดแย้งภายในครอบครัวจากแนวความคิดและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนั้น หากปราศจากการวางแผนเรื่อง “โครงสร้างการถือครองทรัพย์สิน” ที่เหมาะสมแล้ว การส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นอาจสะดุดได้”

KBank Private Banking  จึงร่วมพาแก้โจทย์ยากในหัวข้อ “ส่งต่อความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน : แผนการจัดการสินทรัพย์ครอบครัวสู่การส่งต่อฉบับสมบูรณ์” เพื่อเปิดแนวทางจัดโครงสร้างทรัพย์สินครอบครัว วิธีการบริหารทรัพย์สินครอบครัวทุกประเภท เช่น หุ้นของบริษัทครอบครัว อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุน พร้อมคำแนะนำในการเตรียมการเบื้องต้น

คุณพีระพัฒน์ เหรียญประยูร Managing Director – Wealth Planning and Non–Capital Market Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจครอบครัวไทยส่วนใหญ่มีอัตราการอยู่รอดถึงรุ่นที่ 3 และ 4 ค่อนข้างต่ำ โดยมีเพียงประมาณ 4% เท่านั้นที่สามารถสืบทอดมาได้สำเร็จ สาเหตุหลักมาจาก "ศึกภายใน" เช่น  ความขัดแย้งของสมาชิกในครอบครัว การขาดการวางแผนส่งต่อธุรกิจที่ชัดเจน และการบริหารจัดการที่ยังไม่เป็นระบบเหมือนองค์กรทั่วไป

เพื่อรับมือบความท้าทายดังกล่าว KBank Private Banking มองว่าสิ่งสำคัญสำหรับการกำกับดูแลครอบครัว ควบคู่กับการกำกับธุรกิจ มี 3 ส่วนสำคัญ ดังนี้

1) การสร้างกติกาของครอบครัวและการสืบทอดธุรกิจอย่างเป็นระบบ (Family Continuity Planning) ด้วยการจัดทำ “ธรรมนูญครอบครัว” เพื่อกำหนดสิทธิ หน้าที่ และกระบวนการตัดสินใจร่วมกันที่ชัดเจน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการลดความขัดแย้ง

2) การจัดโครงสร้างการถือครองทรัพย์สินของครอบครัว (Asset Holding Structures) างแผนปรับโครงสร้างการถือครองสินทรัพย์และธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศให้สอดคล้องกับเป้าหมายของครอบครัวและลดภาระด้านภาษี โดยอาจใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น บริษัทโฮลดิ้ง หรือทรัสต์

3) การวางแผนการส่งต่อทรัพย์สินจากรุ่นสู่รุ่น (Inheritance and Wealth Transfer) เน้นการสื่อสารและการมีส่วนร่วมของทายาทรุ่นต่อไปอย่างเป็นระบบ มีการถ่ายทอดความรู้ เพื่อให้การส่งต่อความมั่งคั่งเป็นไปอย่างราบรื่นและยุติธรรม

รวมถึงการถือครองอสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ ทาง KBank Private Banking มองว่ามี 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) จำนวนประชากร ซึ่งปัจจุบันลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2563 2) หนี้ครัวเรือน ที่ยังอยู่ในระดับสูง และ 3) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นการเก็บภาษีต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยภายในปี 2569 ที่ดินรกร้างจะเริ่มเก็บภาษีที่ดินสูงขึ้นอีก 0.3% พร้อมจ่อปรับราคาประเมินที่ดินในปี 2570-2573

การจัดประเภทอสังหาริมทรัพย์ตามวัตถุประสงค์จึงมีความสำคัญมาก เพื่อให้ที่ดินและอสังหาฯ เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมวางแผนการเสียภาษีให้เหมาะสม โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์แบ่งตามวัตถุประสงค์หลัก 3 ข้อ คือ 1) เพื่อใช้ประโยชน์ให้เช่า หรือใช้ในธุรกิจ ซึ่งควรมองภาพระยะยาวว่าเป็นที่ดินที่จะเก็บยาวหรือขายไปในอนาคต เพื่อวางรูปแบบการถือครองที่เหมาะสม และควรวางแผนภาษีเงินได้การให้เช่า 2) เพื่อขาย ควรวางแผนโครงสร้างการถือครองก่อนซื้อ ไม่ควรซื้อในชื่อร่วม รวมถึงควรวางแผนภาษีการขาย และเลือกแนวทางที่เหมาะสม  และ 3) เพื่อส่งต่อ ควรคำนึงถึงต้นทุนการถือครอง และกำหนดนโยบายการถือทรัพย์สินเพื่อเลือกวิธีการส่งต่อที่เหมาะสม

คุณอธิศรี โพธิสุธา Assistant Head of Wealth Planning, Family Wealth Planning Services ใน Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัว แนะนำแผนเตรียมการบริหารทรัพย์สินครอบครัวเบื้องต้น เพื่อส่งต่อความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัว แบ่งเป็น 7 แนวทาง คือ 1) แยกทรัพย์สินธุรกิจ & ส่วนตัว 2) รักษาความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัว 3) ทำทะเบียนทรัพย์สิน 4) วางแผนการส่งต่อ 5) กำหนดกติกาการจัดทรัพย์สิน 6) วางระบบบัญชีและวางแผนภาษี และ 7) จัดโครงสร้างการถือครองทรัพย์สิน

ทั้งนี้ธุรกิจครอบครัวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 มากถึง 646 บริษัท คิดเป็น 76% หรือ 3 ใน 4 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งหมดจำนวน 850 บริษัท การสร้างองค์ความรู้การบริหารจัดการทรัพย์สินธุรกิจครอบครัว จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวไทยสามารถบริหาร จัดการธุรกิจและส่งต่อความมั่งคั่งไปยังคนรุ่นหลังได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงยังเป็นรากฐานที่ช่วยสร้างเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต

TAGS: #KBank #KBankPrivateBanking #SET #ตลาดหลักทรัพย์ #จัดการทรัพย์สิน #ธุรกิจครอบครัว #อสังหาริมทรัพย์