AGE ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจ ปี 68 ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำ 12,000 ล้านบาท ผลงานพลิกกลับมาเป็นบวก

AGE ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจ ปี 68 ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำ 12,000 ล้านบาท ผลงานพลิกกลับมาเป็นบวก
เปิดโครงสร้างธุรกิจ AGE หลังปรับตัว เป็น Sustainable Company มั่นใจปี 2568 ยอดขายมากกว่า 12,000 ล้านบาท พร้อมพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ

ปณิตา ควรสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน)  หรือ AGE เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น มีมติให้บริษัทฯ เข้าทำรายการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด มหาชน (ABM) จำนวน 292,107,010 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท พร้อมทั้งทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) ในบมจ.เอเชีย ไบโอแมส จากผู้ถือหุ้นของ ABM 

โดย AGE ก็ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจพลังงานยั่งยืน (Sustainable Energy) และตั้งเป้าให้ ABM เป็น flagship ทางด้านพลังงานยั่งยืนของกลุ่มบริษัท โดยบริษัทไม่มีแผนที่จะนำ ABM ถอนตัวออกจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 

สำหรับกระบวนการชำระค่าตอบแทนการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ABM ในครั้งนี้ ทาง AGE จะชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนด้วยการแลกหุ้น (Share Swap) ของหุ้นสามัญในบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (QTC) จำนวน 81,860,400 หุ้น หรือคิดเป็น ร้อยละ 24.00 ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและชำระแล้ว และหุ้นสามัญในบริษัท กรีน อาร์ดีเอฟ จำกัด (GRDF) จำนวน 335,497 หุ้น หรือคิดเป็น 100% ของทุนจดทะเบียน แทนการชำระด้วยเงินสด โดยคาดว่า รายการทำ Share Swap และ การทำ Tender Offer จะแล้วเสร็จภายในปลายไตรมาส 4/2567

นอกจากนี้ ยังมีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ทุนทำดี จำกัด จำนวน 17,997 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 44.99 ของทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว ที่ราคา 62,230,500 บาท โดย บริษัท เอจีอี เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ AGE จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 โดยซื้อหุ้นดังกล่าวจากบริษัท แอลฟ่า จี เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ABM 

“แผนการเข้าซื้อกิจการของ AGE ในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจพลังงานยั่งยืน โดย ABM              ถือเป็นผู้นำในธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวล และบริษัทฯ มุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยผลักดันภาคอุตสาหกรรมให้ไปสู่การใช้พลังงานสะอาด และภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจทาง AGE จะเป็นผู้ถือหุ้นใน ABM เป็น 51 - 70% และถือหุ้นใน ทุนทำดี ที่ 100 %ขณะที่ ABM จะเป็นผู้ถือหุ้นใน QTC ที่ร้อยละ 24 และ GRDF ที่ 100%” 

***เปิด 4 ธุรกิจหลักหลังปรับโครงสร้าง***

1.ธุรกิจถ่านหิน

2.ธุรกิจโลจิสติกส์

3.ธุรกิจพลังงานยั่งยืน 

4.ธุรกิจ Diversified Investments 

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ ยังมาจากธุรกิจถ่านหินที่ 95% แต่หลังจากการเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน ABM สัดส่วนรายได้จากถ่านหินของบริษัทฯ จะลดลงเหลือ 70% จากการรับรู้รายได้ของ ABM ในฐานะบริษัทย่อย 

และบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่มีความยั่งยืน จากการเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจโลจิสติกส์ จากกลุ่มลูกค้าภายนอกทั้งจากกลุ่มสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมเป็น 50% จากปัจจุบันที่ 35% 

ขณะที่ธุรกิจพลังงานยั่งยืน (Sustainable Energy) บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเชื้อเพลิง RDF ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงจากขยะ ภายใต้บริษัทย่อย GRDF อย่างต่อเนื่อง และธุรกิจ Human Solutions (Diversified Investments) ภายใต้บริษัทย่อย “เอจีอี เวนเจอร์ หรือ AGEVT” ซึ่งได้จัดตั้งบริษัท เอจีอี อีวี พลัส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการปล่อยเช่ารถ EV ให้กลุ่มลูกค้าที่สนใจ โดยจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 4/67 

และ บริษัท เอจีอี ออโต้ แกลลอรี่ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจดีลเลอร์ขายรถไฟฟ้า EV ในปัจจุบัน กำลังก่อสร้างโชว์รูม สองแห่ง คือ OMODA & JAECOO สาขา รามคำแหง และ Neta สาขาพระราม 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จ ในช่วงไตรมาส 4/67 และ 2/68 ตามลำดับ และเริ่มรับรู้รายได้จากการขายรถในไตรมาส 4/67 

จากแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นของ บริษัทฯ สู่การดำเนินธุรกิจที่มีความยั่งยืน และตั้งเป้าว่าในปี 2573 บริษัทฯ จะมีสัดส่วน EBITDA มาจากธุรกิจยั่งยืน 50% ธุรกิจถ่านหิน 50% 

***ปี 68 ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำ 12,000 ล้านบ. พร้อมพลิกกลับมามีกำไร***

ปณิตา กล่าวถึงภาพรวมผลประกอบการในปี 2567 ยอมรับว่ายังคงขาดทุน ถึงแม้ครึ่งปีหลังจะเริ่มพลิกกลับมามีกำไร แต่ยังไม่สามารถโคฟเวอร์ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในครึ่งปีแรกได้ แต่ในปี 2568 มั่นใจว่าทั้งจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ และมียอดขายมากกว่า 12,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 12,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯคาดว่าธุรกืจดีลเลอร์จำหน่ายรถยนต์จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักที่ช่วยทำให้ผลประกอบการออกมาดี 

รวมถึงยังมีแผนนำรถ EV เข้าสู่ระบบแกร็ปเพื่อให้บริษัทผู้โดยสารที่สนามบินอีกจำนวน 100 คัน โดยธุรกิจนี้คาดว่าจะได้รีเทิร์นไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี 

TAGS: #AGE