เมื่อพูดถึงคริปโทเคอร์เรนซีหรือสกุลเงินดิจิทัล หลายคนน่าจะได้ยินทั้งคำว่าเหรียญ (Coin) และโทเคน (Token) ซึ่งบางคนน่าจะมองว่าทั้งสองสิ่งไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่
แต่รู้หรือไม่ว่าทั้งสองคำมีความแตกต่างที่สำคัญและมีผลต่อการตัดสินใจเลือกลงทุน ในบทความนี้เราจะมาดูความแตกต่างของทั้งสองคำนี้กัน
Coin กับ Token แตกต่างกันอย่างไร
ทุกคนน่าจะทราบกันแล้วว่าคริปโทเคอร์เรนซีคือสกุลเงินดิจิทัลที่ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ยกตัวอย่าง Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Dogecoin (DOGE) เหรียญเหล่านี้ล้วนมีบล็อกเชนเป็นของตัวเองและถูกจัดประเภทเป็นCoin
ในขณะเดียวกัน ก็มีเหรียญที่ไม่ได้มีบล็อกเชนเป็นของตัวเอง แต่ไปสร้างขึ้นบนบล็อกเชนของเหรียญอื่นเช่น Uniswap (UNI), Maker (MKR), Balancer (BAL) ที่ไปสร้างขึ้นบนบล็อกเชนของ Ethereum ทำให้เหรียญเหล่านี้ถูกจัดอยู่ในประเภท Token และสามารถแบ่งประเภทย่อยออกไปได้อีก ได้แก่
1.Utility tokens - หมายถึง โทเคนเพื่อการใช้ประโยชน์ ใช้ในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของแพลฟอร์มที่เกี่ยวข้อง
2.Governance tokens - หมายถึง โทเคนเพื่อการบริหาร ใช้แทนสิทธิ์ในการออกเสียงเพื่อกำหนดทิศทางในการพัฒนาแพลตฟอร์ม
3.Security tokens - หมายถึง หลักทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น ที่ดิน หรือกองทุน ที่ถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของโทเคน
4.Non-fungible token (NFT) - หมายถึง โทเคนที่เป็นตัวแทนสินทรัพย์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว เช่น รูปภาพ วีดีโอดนตรี อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ NFT แต่ละเหรียญจึงแตกต่างกัน ไม่สามารถนำมาทดแทนกันได้
สรุปคือ Coin ก็คือเหรียญที่มีบล็อกเชนเป็นของตัวเอง ส่วน Token คือเหรียญที่ไม่มีบล็อกเชนของตัวเอง แต่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนของเหรียญอื่น
การเลือก Coin กับ Token มีผลกับการลงทุนอย่างไร?
โดยทั่วไปแล้ว การเลือกลงทุนใน Coin มักจะมีความมั่นคงมากกว่า เนื่องจาก Coin เป็นสื่อหลักที่ใช้ในการทำธุรกรรมบนแต่ละบล็อกเชน สังเกตได้จากเหรียญที่ติดอันดับสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด 10 อันดับแรกมักจะเป็นเหรียญประเภท Coin (ข้อมูลจาก Coinmarketcap เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2023)
การที่ Coin มีมูลค่าตลาดโดยรวมสูงกว่า Token นั่นเป็นเพราะ Coin จะถูกใช้ในการทำธุรกรรมหรือเข้าถึงระบบต่างๆ ของบล็อกเชนเกือบทั้งหมด ยกตัวอย่าง ETH ของ Ethereum ซึ่งนอกจากจะใช้ในการแลกเปลี่ยนทั่วไปบนเครือข่ายได้แล้ว ETH ยังถูกใช้ในการจ่ายเป็นค่า Gas fee หรือสามารถนำไป Stake บนผ่านระบบ Proof-of-Stake ได้อีกด้วย
อีกด้านหนึ่ง Token มักจะเกี่ยวข้องแอปพลิเคชันที่ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน ยกตัวอย่าง UNI ที่เป็นโทเคนของUniswap และมีการใช้งานหลัก ๆ แค่บน Uniswap เท่านั้น ทำให้สเกลการใช้งานของ Token เล็กกว่า Coin
หมายความว่า มูลค่าของ Coin มักจะเกี่ยวข้องกับทั้งเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งมีสเกลที่ใหญ่กว่า Token ทำให้มูลค่าของ Coin มีความผันผวนน้อยกว่า Token ในขณะที่ Token แม้จะมีความเสี่ยงที่สูงกว่า แต่ก็มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าเช่นกัน
สรุป
Coin คือสกุลเงินดิจิทัลที่มีบล็อกเชนเป็นของตัวเองและมีการใช้งานหลักบนบล็อกเชนนั้น ๆ ส่วน Token คือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนของเหรียญอื่นและมักจะทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันบนบล็อกเชน Coin จึงมักจะมีมูลค่าตลาดและความมั่นคงที่สูงกว่า Token