‘โฮมโปร’ ลุยนวัตกรรมทำผ้าม่านประหยัดไฟ ประหยัดไฟ 10% รับโอกาสค่าพลังงานพุ่ง

‘โฮมโปร’ ลุยนวัตกรรมทำผ้าม่านประหยัดไฟ ประหยัดไฟ 10% รับโอกาสค่าพลังงานพุ่ง
โฮมโปร ปี2566 เพิ่มสัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ขยายลูกค้าบีทูบี ปั้นกลุ่มนวัตกรรม นำร่องผ้าม่านประหยัดไฟเบอร์ 5 ลดค่าไฟปีละ 10% รับโอกาสค่าพลังงานโลกพุ่งต่อเนื่อง

อิษฏพร ศรีสุขวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงาน Design & Product Development บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ปี 2566 บริษัทฯ เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เพิ่มขึ้นเป็น 28% ภายในปีนี้

จากปัจจุบันมีสัดส่วน 23% ของพอร์ตฯ ประกอบด้วย 36 แบรนด์ อาทิ HLS, MOYA, Tara Tile โดยกลุ่มที่เป็นคีย์หลักการเติบโต คือ ผ้า สุขภัณฑ์

“บริษัทฯ ทำสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ร่วม 10 ปี เริ่มจากกลุ่มน้ำยา เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ ทำให้ได้กลุ่มลูกค้าใหม่จากสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ดังกล่าว  และได้เร่งสปีดเพิ่มสัดส่วนตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา” อิษฏพร กล่าว  

โดยในปี2566 นี้ บริษัทฯ เร่งผลักดันกลุ่มสินค้า ECO Product เน้นผลิตภัณฑ์รักษ์โลก และเป็นธรรมชาติ ให้มีสัดส่วน 47% ของพอร์ตฯสินค้ารวม รองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น ลูกค้าเจน Y ของโฮมโปรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ

ล่าสุด บริษัทฯ ได้พัฒนานวัตกรรมสิ่งทอคุณภาพสูง หรือ Home Living Style (HLS) สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ล่าสุด คือ ผ้าม่านประหยัดไฟเบอร์ 5 แก้โจทย์ปัญหาค่าไฟแพง โดยได้ฉลากเบอร์ 5 จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

สามารถลดความร้อนได้อย่างต่ำ 17% ช่วยการใช้งานของแอร์ ทำให้ลดการใช้พลังงานและบ้านเย็นขึ้น ซึ่งเมื่อปรับอุณหภูมิเพิ่ม 1 องศาเซลเซียส ช่วยประหยัดไฟได้ 10% (ข้อมูลจากกระทรวงพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน)

นอกจากนี้ ยังเตรียมทำสินค้ากลุ่มใหม่ คือ ทิชชู สินค้าจาก Tropical fruit เช่น น้ำยาล้างจาน ซักผ้า คาดเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 นี้ โดยกลุ่มเฮ้าส์แบรนด์ใหม่จะมีมากกว่า 1,000 รายการ (SKUs)

อิษฏพร กล่าวว่า บริษัทฯ ยังจะมุ่งการทำตลาดกลุ่มธุรกิจ หรือ B2B เช่น โรงพยาบาล กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร้านกาแฟ คลินิก เป็นต้น เพื่อขยายสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น จากที่ผ่านมามีสัดส่วนไม่ถึง 10% ด้วยกลยุทธ์ สินค้าราคาถูกลง เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าจำนวนมากขึ้น เช่น การซื้อหลอดไฟ LED แบบยกลัง การซื้อน้ำยาแบบเป็นถังใหญ่ เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดเซ็ตสินค้าให้เป็นขนาดใหญ่ขึ้น อาทิ การทำแพ็กจานแบบ 6 จาน, 10 จาน ไปจนถึง 12 จาน

 

โดยในปีนี้ โฮมโปร มีแผนลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาทขยาย 10 สาขา เป็นโฮมโปร 2 สาขา โดยสาขาที่ซีคอนบางแค เตรียมเปิดวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ ส่วนอีกสาขา คือ สาขาวัดลาดปลาดุก จ.นนทบุรี เนื่องจากสาขาบางใหญ่จะหมดสัญญาในกลางปี 2567

 

อีก 8 สาขาที่เหลือจะเป็นเมกาโฮมซึ่งเปิดไปแล้ว 3 สาขา ได้แก่ รัตนาธิเบศร์ ,ติวานนท์ และบางพลี จ.สมุทรปราการ และภูเก็ตเตรียมเปิดตัวในเดือนธันวาคมนี้ ส่วน 4 สาขาที่เตรียมเปิดในอนาคต คือ จ.นครปฐม , เชียงใหม่ ,บางแสน และ ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

TAGS: #โฮมโปร