นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี ระบุเศรษฐกิจไทยเติบโตเพียง 2% ต่อปี ต่ำสุดในภูมิภาค เหตุเครื่องยนต์ท่องเที่ยวยังไม่กลับมาทำงานเต็มกำลัง
นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังเติบโตในอัตราที่ช้า เนื่องจาก “เครื่องยนต์ท่องเที่ยว” ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของประเทศ ยังไม่กลับมาทำงานเต็มกำลัง โดยเศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ยเพียง 2% ต่อปี ต่ำที่สุดในภูมิภาค ทั้งที่ในอดีตสามารถเติบโตได้ถึง 7–8% ต่อปี
นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ภาคการท่องเที่ยวพิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องจักรหลักของเศรษฐกิจไทย เห็นได้ชัดจากช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่เมื่อการท่องเที่ยวสะดุด เศรษฐกิจทั้งระบบก็ได้รับผลกระทบทันที แม้หลายฝ่ายคาดว่าไทยจะฟื้นตัวได้รวดเร็วหลังโควิด แต่ปัจจุบันตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้ยังไม่กลับสู่ระดับก่อนวิกฤติที่เคยมีราว 40 ล้านคนต่อปี โดยปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังต่ำกว่าเป้า และมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัญหาหลักที่กระทบต่อการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวคือ การหายไปของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งก่อนโควิดเคยมีมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี แต่ปัจจุบันยังไม่ฟื้นกลับมา ขณะที่ประเทศคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น เวียดนาม และมาเลเซีย กลับได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดียวกัน โดยไม่ได้เกิดจากนโยบายของรัฐบาลจีน แต่เพราะ นักท่องเที่ยวจีนไม่รู้สึกปลอดภัยในการมาเที่ยวประเทศไทย หลังจากมีคลิปและข่าวในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการลักพาตัว การค้าอวัยวะ และการเชื่อมโยงกับธุรกิจสีเทาในไทย
“ตราบใดที่รัฐบาลไทยยังไม่จัดการอย่างจริงจังกับปัญหาความปลอดภัยและกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย จีนก็ยังไม่มั่นใจที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ระบบราชการและเจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาด เพื่อฟื้นภาพลักษณ์ประเทศและสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา”
— นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ค่าเงินบาทที่แข็งเกินจริง ทำให้ไทยเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคา นักท่องเที่ยวจากจีนและรัสเซียจำนวนมากจึงหันไปเที่ยวเวียดนามและมาเลเซียแทน
สำหรับแนวทางแก้ไขระยะยาว เขาเสนอ 5 ด้านสำคัญ เพื่อให้ไทยกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลกอีกครั้ง ได้แก่
-
การกระจายตลาดนักท่องเที่ยวให้หลากหลายขึ้น
-
การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
-
การพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
-
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและบริการ
-
การทำตลาดผ่านอินฟลูเอ็นเซอร์และสื่อดิจิทัล
นายอภิสิทธิ์ทิ้งท้ายว่า หากรัฐบาลสามารถสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและภาพลักษณ์ประเทศได้อีกครั้ง พร้อมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ไทยจะสามารถฟื้นกลับมาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักของโลกได้ไม่ยาก