Krungthai GLOBAL MARKETS เผย เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าเล็กน้อยที่ 32.68 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดจับตาผลการประชุม ธนาคารกลาง 3 แห่ง ECB-เฟด-BOJ ชี้ชะตาบาทสัปดาห์นี้
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผย ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ 32.68 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า (32.76 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทได้ทยอยแข็งค่าตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังตลาดมั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยจากข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ที่ต่ำกว่าคาด
ไฮไลท์สำคัญที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้:
เฟด (FOMC): คาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 3.75-4.00% และอาจส่งสัญญาณยุติการปรับลดงบดุล (Quantitative Tightening)
ECB: คาดว่าจะ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ไว้ที่ 2.00% แต่พร้อมส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมหากจำเป็น
BOJ: ผู้เล่นในตลาดมองว่ามีโอกาสเพียง 11% ที่ BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่คาดว่า BOJ จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง ในปีนี้และอีก 1 ครั้งในปี 2026 ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะหนุนให้เงินเยน (JPY) ทยอยแข็งค่าสู่ระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์ ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า
หุ้นเทคฯ สหรัฐฯ: จับตาผลประกอบการของกลุ่ม "The Magnificent 7" (Meta, Microsoft, Alphabet, Amazon, Apple) ซึ่งหากผลประกอบการน่าผิดหวัง อาจกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานหนักและทำให้ตลาดปิดรับความเสี่ยง
แนวโน้มค่าเงินบาท:
เงินบาทเผชิญความเสี่ยงแบบ Two-way risk และเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาทองคำมากขึ้น โดยราคาทองคำจะผันผวนสูงตามผลประกอบการของหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ:
หากผลประกอบการหุ้นเทคฯ สดใส → ตลาดเปิดรับความเสี่ยง → ทองคำถูกกดดัน → บาทอ่อนค่า
หากผลประกอบการหุ้นเทคฯ แย่กว่าคาด → ตลาดปิดรับความเสี่ยง → ทองคำปรับตัวสูงขึ้น → บาทแข็งค่า
กรอบค่าเงินบาทที่คาดการณ์:
สัปดาห์นี้: 32.40-33.00 บาท/ดอลลาร์
ระยะสั้น (24 ชม.): 32.60-32.85 บาท/ดอลลาร์
แนวต้านสำคัญ: 32.85 บาทต่อดอลลาร์ (ถัดไป 33.00 บาทต่อดอลลาร์)