“พิพัฒน์” เปิดตัวเลขผู้ประกอบการรถสาธารณะร่วม “คนละครึ่ง พลัส” ผ่านแล้วกว่า 1,300 ราย ตอบรับที่ดีแต่ยังไม่มากนัก ใครสนใจเปิดรับลงทะเบียนถึง 19 ธ.ค.
นาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ คนละครึ่ง พลัส ในส่วนของผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะที่ลงทะเบียนกับ กรมการขนส่งทางบก ว่า ขณะนี้มีผู้ผ่านการตรวจสอบแล้วรวม 1,366 ราย จากผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 1,619 ราย หรือคิดเป็นกว่า ร้อยละ 84 โดยผู้ประกอบการรายเดิมที่เคยเข้าร่วมโครงการเมื่อปี 2565 ได้ผ่านการตรวจสอบและทบทวนสิทธิ์แล้ว 1,480 ราย
ทั้งนี้ในช่วง 7 วันของการลงทะเบียน ตัวเลขผู้ผ่านการตรวจสอบกว่า 1,300 รายถือเป็นสัญญาณที่ดี แสดงให้เห็นถึงความสนใจของผู้ให้บริการรถสาธารณะในการเข้าร่วมโครงการ คนละครึ่ง พลัส แต่เมื่อเทียบกับจำนวนรถสาธารณะที่มีสิทธิ์เข้าร่วมนั้น ยังอยู่ในสัดส่วนไม่มากนัก ผมจึงอยากเชิญชวนให้ผู้ขับรถสาธารณะทุกประเภทเข้ามาร่วมโครงการ เพื่อช่วยกันลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และสร้างรายได้ที่มั่นคงยิ่งขึ้นให้กับผู้ประกอบการเอง
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลการตรวจสอบล่าสุด พบว่ากลุ่มที่เข้าร่วมมากที่สุด ได้แก่ รถ TAXI-METER จำนวน 1,325 ราย (ผ่านการตรวจสอบแล้ว 1,153 ราย) จักรยานยนต์สาธารณะ 268 ราย (ผ่านแล้ว 203 ราย) รวมถึงรถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว และรถตู้โดยสารประจำทาง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า โครงการ คนละครึ่ง พลัส เป็นนโยบายที่รัฐบาลตั้งใจให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย คือ ประชาชนที่ได้ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลงครึ่งหนึ่ง ทำให้เดินทางได้มากขึ้น ส่งผลให้ ผู้ขับรถสาธารณะมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องปรับค่าโดยสาร เพราะรัฐเข้ามาช่วยสมทบอีก 50% โดยใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน ‘ถุงเงิน’ กับ “ร้านค้าขนส่ง” ที่ลงทะเบียนและได้รับสิทธิร่วมโครงการ ซึ่งเป็นระบบที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่มีผลกระทบต่อรายได้ของผู้ให้บริการแต่อย่างใด
ทั้งนี้ โครงการ คนละครึ่ง พลัส เปิดให้ผู้ประกอบการรถสาธารณะทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว หรือรถตู้โดยสาร เพื่อเข้าร่วมในฐานะ “ร้านค้าขนส่ง” ให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิร่วมจ่ายค่าเดินทางได้สะดวก สำหรับผู้ที่สนใจสามารถ ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2568 จนถึง วันที่ 19 ธันวาคม 2568 โดยผ่านจุดรับลงทะเบียนที่ บูธ กระทรวงมหาดไทยร่วมกับธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ซึ่งเป็นช่องทางหลักสำหรับผู้ให้บริการและผู้ประกอบการสาธารณะ
“ทางกระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนให้ผู้ขับรถสาธารณะเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการนี้อย่างเต็มที่ ผมอยากให้ผู้ประกอบการทุกท่านเห็นว่า โครงการนี้คือโอกาส เพราะเมื่อประชาชนได้รับส่วนลดจากภาครัฐ พวกเขาจะใช้บริการรถสาธารณะมากขึ้น นั่นหมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นและระบบขนส่งที่เข้มแข็งขึ้นในภาพรวม ซึ่งสุดท้ายจะเป็นประโยชน์กับทั้งผู้ให้บริการและผู้โดยสาร”