สำนักงานประกันสังคม เตรียมปรับเพดานค่าจ้างสูงสุดเป็น 23,000 บาท ในปี 2575 พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์การรักษา เงินบำนาญ และเงินสงเคราะห์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงหลังเกษียณและสอดคล้องกับค่าครองชีพยุคใหม่
สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เตรียมปรับเพดานค่าจ้างประกันสังคมใหม่ในปี 2569 พร้อมเปิดสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกันตน โดยยังคงหลักการ “จ่ายตามจริง ได้ประโยชน์ตามจริง” เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพและสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง
เพดานค่าจ้างและเงินสมทบใหม่
-
ปี 2568 เพดานค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบสูงสุด 750 บาท/เดือน
-
ปี 2569-2571 ปรับเพดานค่าจ้างเป็น 17,500 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 875 บาท/เดือน
-
ปี 2572-2574 ปรับเพดานค่าจ้างเป็น 20,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาท/เดือน
-
ปี 2575 เป็นต้นไป ปรับเพดานค่าจ้างเป็น 23,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาท/เดือน
สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น
-
เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย ปรับจาก 7,500 บาท/เดือน เป็นสูงสุด 11,500 บาท/เดือน
-
เงินสงเคราะห์คลอดบุตร เพิ่มจาก 22,500 บาท/ครั้ง เป็นสูงสุด 34,500 บาท/ครั้ง
-
เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ เพิ่มเป็นสูงสุด 11,500 บาท/เดือน
-
เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต เพิ่มเป็นสูงสุด 138,000 บาท
-
เงินทดแทนกรณีว่างงาน เพิ่มเป็นสูงสุด 11,500 บาท/เดือน
เงินบำนาญหลังเกษียณ
-
กรณีส่งเงินสมทบครบ 15 ปี เงินบำนาญปรับเพิ่มจาก 3,000 บาท/เดือน เป็น 4,600 บาท/เดือน (ปี 2575 เป็นต้นไป)
-
กรณีส่งเงินสมทบครบ 25 ปี เงินบำนาญปรับเพิ่มจาก 5,250 บาท/เดือน เป็น 8,050 บาท/เดือน (ปี 2575 เป็นต้นไป)
ความเป็นธรรมและกระบวนการ
สปส. ยืนยันว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะไม่กระทบความเป็นธรรม เนื่องจากผู้มีรายได้สูงจะจ่ายเงินสมทบเพิ่ม แต่ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน พร้อมตั้งเป้าเริ่มใช้มาตรการทันทีเมื่อกฎหมายผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและมีผลบังคับใช้ พร้อมกับการปรับสูตรบำนาญแบบใหม่ (สูตร CARE) เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางสังคมแก่ผู้ประกันตน
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการประกันสังคมได้เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนกว่า 200,000 คน พบว่ากว่า 95% เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างดังกล่าว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับสิทธิประโยชน์และความเป็นธรรมแก่แรงงานไทยและนายจ้างทั่วประเทศ