“ศุภจี” แจงสภาครั้งแรก รัฐบาลเดินหน้าลดค่าครองชีพ ดูแลเกษตรกร ดันเจรจาการค้าสหรัฐฯ-FTA พร้อมร่วมมือทุกภาคส่วนปกป้องผู้ประกอบการไทย
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยชี้แจงถึงนโยบายและภารกิจสำคัญของรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ต่อสมาชิกรัฐสภา ในประเด็นการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ มาตรการลดค่าครองชีพ ป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศทะลัก-นอมินี การเพิ่มขีดความสามารถ SME และการดูแลสินค้าเกษตร
นางศุภจี กล่าวว่า ขอขอบคุณ นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่รัฐบาล ซึ่งจะนำไปปฏิบัติต่อในเรื่องนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ขณะที่สหรัฐอเมริกามีมูลค่าการส่งออก 18 % ซึ่งเป็นสัดส่วน 10 %ของจีดีพี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องเจรจาให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องขอบคุณรัฐบาลที่ผ่านมาที่มีการเจรจาตกลงสำเร็จ แต่ใน 4 เดือนข้างหน้า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะเจรจา ART ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2568 ซึ่งการที่นายสิทธิพล บอกว่ายังไม่เห็นในรายละเอียดก็เป็นไปตามนั้น เนื่องจากยังไม่มีการตกลงในรายละเอียดทางเทคนิค
นางศุภจี กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการป้องกันการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้าไทยว่า ได้มีการแก้ไขในเรื่องนี้แล้ว โดยมีการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ซึ่งได้รวบยอดจากหลายกระทรวงมาอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ที่เดียว นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงรายการเฝ้าระวังสินค้าที่ส่งไปยังสหรัฐฯ จาก 49 รายการ เป็น 65 รายการ นอกจากนี้ ยังได้มีการเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับกฏว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ที่จะประกาศแนวปฏิบัติอย่างชัดเจน โดยจะดูแลและเจรจาโดยตรงไปยังสหรัฐฯ ซึ่งรวบรวมอยู่ในระบบเทคโนโลยี ทำให้มั่นใจได้ว่ามีการดูแลตั้งแต่ต้นทางจากประเทศไทย ไปจนถึงปลายทางสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ที่คนอาจจะไม่เข้าใจ โดยจะเร่งทำความเข้าใจ โดยการประสานกับสมาคมหอการค้าไทยและอุตสาหกรรมไทยรวมถึงตลาดทุนไทยเพื่อคลายกังวล ส่วนการปลอมแปลงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ที่ได้มีการออกหนังสือไป 3 แสนกว่าฉบับ แต่มีหนังสือปลอมแปลงเพียง 5 ฉบับ ส่วนในปี 2568 ยังไม่พบการปลอมแปลง เนื่องจากได้นำระบบการป้องกันมาใช้ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากกรมการค้าต่างประเทศ และกรมศุลกากรปลายทางที่ทำให้สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางและสามารถทำให้ตรวจสอบการปลอมแปลงได้
นางศุภจี กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ในการพัฒนาระบบตอบโต้การทุ่มตลาดด้วย AI ได้พัฒนาการพิจารณาคำขอจาก 4 เดือนเหลือ 1 เดือน รวมถึงกระบวนการอื่นๆ ในการไต่สวนที่จะช่วยย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ได้มีการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย อาทิ การเก็บภาษี สินค้านำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท และเพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานสินค้า รวมถึงมาตรการตรวจสอบและถอดสินค้าออกจากแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อปกป้องไม่ให้สินค้าทะลักเข้ามาทำลายผู้ผลิตในไทย นอกจากนี้ยังมีความตั้งใจในการเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs เช่น การขยายตลาดใหม่ไปยังเอเชียใต้ และตะวันออกกลาง แอฟริกาหรือลาตินอเมริกา เป็นต้น ขณะเดียวกันผลจากการปราบปรามและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี จึงมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมากเป็นเรื่องที่เราไม่ละทิ้ง นอกจากนี้ ในการอภิปรายเรื่องที่ผู้อภิปรายยังไม่ได้พูด แต่ตนอยากชี้แจงเกี่ยวกับการลดค่าของชีพของประชาชน และการเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนของมหกรรมธงฟ้า รวมถึงลดค่าของชีพด้านสุขภาพ ยา เวชภัณฑ์
นางศุภจี กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการจัดการและดูแลสินค้าทางการเกษตรนั้น เราต้องแก้ไขในระยะยาว ซึ่งมีการประเมินอุปทานและอุปสงค์ล่วงหน้า ผลักดันการส่งออกและกำหนดมาตรฐานนำเข้า ขณะเดียวกันสถานการณ์ข้าวโลก มีอุปสงค์และอุปทานไม่ตรงกัน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จำกัดการนำเข้าข้าว ทำให้พบว่าสถานการณ์เข้าไทยปัจจุบันมีเหลืออยู่ 25.3 ล้านตัน แต่มีส่วนที่จะต้องบริหารจัดการเพียง 1.8 ล้านตัน ที่ต้องวางแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ส่วนตัวตนตั้งใจจะลงพื้นที่เพื่อไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเตรียมทำมหกรรมการค้าชายแดน รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของไทยด้วยการผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA และเร่งบรรลุข้อตกลง FTA ไทย-สหภาพยุโรป และไทย-เกาหลีใต้