รมว.พาณิชย์ เข้ากระทรวงวันแรก เร่งแก้ค่าบาทแข็งช่วยผู้ส่งออก เดินหน้าบริหารจัดการสินค้าเกษตรตามฤดูกาล ผลักดันเจรจาการค้า
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงพาณิชย์เป็นวันแรก โดยได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ร่วมกับนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหาร ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแนวนโยบายและภารกิจเร่งด่วนที่จะดำเนินการในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นางศุภจี กล่าวว่า ภาพรวมกระทรวงพาณิชย์จะมุ่งสร้างความสมดุลด้านการค้า ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงผู้บริโภคและผู้ผลิต ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะเน้นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างกรมกองภายในกระทรวง ตลอดจนการประสานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่วนรายละเอียดเชิงนโยบายจะชี้แจงต่อสาธารณะภายหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
สำหรับภารกิจเร่งด่วนจะดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย)และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่กำหนดให้มี “Quick Win” เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงรูปธรรมในระยะสั้น พร้อมวางรากฐานเพื่อการพัฒนาในอนาคต โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว
ทั้งนี้แม้กระทรวงพาณิชย์มีภารกิจจำนวนมาก แต่ด้วยเวลาที่จำกัดจึงต้องจัดลำดับความสำคัญให้ชัดเจน ผ่านการหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม
สำหรับกรณีค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออก นั้น รัฐบาลกำลังหารือร่วมกันในทุกกระทรวงเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่สนับสนุนและผลักดันให้นโยบายออกมาอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนข้างหน้า กระทรวงพาณิชย์จะเร่งเตรียมการด้านการค้าสำคัญ อาทิ การบริหารจัดการสินค้าเกษตรตามฤดูกาล เช่น ข้าวและกาแฟ รวมทั้งการผลักดันการเจรจาการค้าระหว่างประเทศทั้งในระดับ joint agreement หรือ trade mission ซึ่งมีประเทศเป้าหมายชัดเจนแล้ว แต่จะเปิดเผยรายละเอียดหลังการแถลงนโยบายรัฐบาล
ด้านความสัมพันธ์ทางการค้ากับกัมพูชา จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่เพียงเกี่ยวข้องกับการค้าข้ามแดนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อวิถีชีวิตประชาชนในพื้นที่ชายแดน จึงต้องทำงานประสานกับพาณิชย์จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงมหาดไทย เพื่อหามาตรการช่วยเหลืออย่างรอบด้าน
“ส่วนกรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีช่วยเหมือนในอดีต ไม่รู้สึกหนักใจเพราะไม่ได้ยึดถือหลักในการทำงานคนเดียวอยู่แล้ว เรามีความรู้น้อยเราเข้ามาที่กระทรวงมีคนที่มีความรู้เยอะมากกว่า เราก็มีหน้าที่ทำในสิ่งที่เรามี เอาสิ่งที่เรามีมาช่วยสอดประสานเอามุมมองจากสิ่งที่ทางกระทรวงอาจจะไม่เคยมองมุมนี้ แต่ก็ต้องยึดทางท่านอธิบดี ท่านปลัดเป็นคนช่วย”