รัฐบาล‘อนุทิน’เตรียมฟื้นโครงการคนละครึ่ง หวังช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายประชาชน กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศเป็นแรงส่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ประเดิมนโยบายแรก รัฐบาล ‘อนุทิน’ เตรียมปัดฝุ่นโครงการ ‘คนละครึ่ง’มาใช้กระตุ้นกำลังซื้อประชาชนช่วงปลายปี ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นโครงการที่ตอบโจทย์กับประชาชนได้ดี สามารถต่อยอดดำเนินการได้เร็วภายในระยะเวลา 4 เดือน เพียงแต่เงื่อนไข สิทธิประโยชน์ อาจมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่
ถ้ามองย้อนไปสำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” นั้น เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 มีทั้งหมด 5 เฟส โดยรูปแบบการดำเนินการ คือ รัฐบาลช่วยจ่าย 50% เมื่อประชาชนซื้ออาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าทั่วไปจากร้านค้าที่ร่วมโครงการ (ยกเว้นสะดวกซื้อหรือธุรกิจแฟรนไชส์) และจำกัดสูงสุด 150 บาทต่อคนต่อวัน และรวมวงเงินสูงสุดอยู่ที่ 3,000 บาทต่อคนตลอดโครงการ
เฟสแรก เริ่มใช้ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 วงเงิน 3,000 บาท วงเงินไม่เกิน 150 บาท/วัน
เฟส 2 เริ่มใช้ 1 มกราคม 2564- 31 มีนาคม 2564 วงเงิน3,500 บาท
เฟส 3 เริ่มใช้ 1 ก.ค. -31 ธ.ค. 2564 วงเงิน 3,000 บาท
เฟส 4 เริ่มใช้ 1 ก.พ.-30เม.ย. 2565 วงเงิน 1,200 บาท
เฟส 5 เริ่มใช้ 1 ก.ย. -31 ต.ค. 2565 วงเงิน 800 บาท
สรุปโดยรวมใช้งบประมาณของโครงการทั้งหมดประมาณ 2.3 แสนล้านบาท ขณะที่ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 4.7 แสนล้านบาท ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิ 26 ล้านคน
สำหรับโครงการคนละครึ่งภารกิจเดิมเวอร์ชันใหม่ จะเป็นอย่างไรนั้น ขณะนี้ยังต้องรอให้การจัดทัพคณะรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจเข้าที่ซะก่อน จึงมีเพียงการประกาศอย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น แต่เชื่อว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขที่ตอบโจทย์มากขึ้น ทั้งเรื่องวงเงินที่จะจัดสรรให้จะจำกัดเฉพาะกลุ่ม เช่น ผู้มีรายได้น้อย, ผู้สูงอายุ, หรือผู้ประกอบการรายย่อยหรือไม่ ตลอดจนพื้นที่ จะครอบคลุมทั่วประเทศหรือมีจังหวัดเป้าหมายที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
เป้าหมายสำคัญของโครงการคือสามารถลดค่าครองชีพแบบแม่นยำ รวดเร็วในระยะสั้น โดยเฉพาะการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงซบเซา และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย รวมทั้งการส่งเสริมนวัตกรรมการใช้จ่ายผ่านดิจิทัล
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาโพลล์หลายสำนักพบว่า มากกว่า 70% ของประชาชน ต้องการให้โครงการคนละครึ่งกลับมา เพราะส่วนใหญ่เชื่อว่าโครงการช่วยให้ การจับจ่ายในชีวิตประจำวันดีขึ้น ขณะที่ผู้ค้ารายย่อยมองว่าโครงการช่วยเพิ่มยอดขายในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
ขณะเดียวกันสิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องให้ความสำคัญคือ การพิจารณาวงเงินที่จะนำมาใช้ต้องสอดคล้องกับค่าครองชีพปัจจุบัน รวมทั้งควบคุมร้านค้าที่โก่งราคาหรือฝ่าฝืนเงื่อนไข เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มเปราะบางเข้าถึงเทคโนโลยีการจ่ายเงิน
การกลับมาของ “คนละครึ่งเวอร์ชันใหม่” ไม่ใช่แค่การอัดฉีดเงินให้ประชาชน แต่จะช่วยกระตุกเศรษฐกิจแบบมีเป้าหมาย เป็นแรงส่ง ให้การฟื้นตัวของประเทศ