กองทุนน้ำมันฯควักจ่ายหนี้เดือนละ 2 พันล้านมั่นใจปิดดีลครบปี’72 ยึดหลักบรรเทาภาระประชาชนคุมดีเซลชะลอขึ้นเบนซิน ขณะที่ตรึง LPG ยาว รอเลือกผอ.สำนักงานฯคนใหม่หลังไร้คนสอบผ่าน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในช่วงนี้ยังมีความผันผวนต่อเนื่องจากปัจจัยลบจากต่างประเทศ โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังเป็นเครื่องมือในการดูแลราคาพลังงานทั้งเบนซิน ดีเซล และก๊าซหุงต้ม(LPG) โดยล่าสุดได้ลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯของกลุ่มเบนซิน 30 สต. และดีเซล 45 สต. ต่อลิตรเพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีก
ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯมีรายรับจากกลุ่มน้ำมันเฉลี่ยวันละ 57 ล้านบาท ส่วน LPG วันละ 20 ล้านบาท โดยภาพรวมยังมีสถานะติดลบอยู่ 32,856 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นรัฐบาลยังต้องใช้กองทุนน้ำมันฯเข้าไปอุดหนุนราคาเพื่อไม่ให้ราคาขายหน้าปั๊มปรับสูงขึ้นมากจนส่งผลกระทบต่อประชาชน ขณะเดียวกันต้องบริหารจัดการโดยไปกู้ยืมเงินจากสถานบันการเงินรัฐ มีหนี้สูงสุดที่ 105,332 ล้านบาท โดยมีการทยอยจ่ายหนี้คืนจนล่าสุดมีภาระหนี้เหลือยู่ 5.4 หมื่นล้านบาท ตามแผนการกู้เงินจะต้องชำระคืนให้หมดภายในปี ‘72
“แต่ละเดือนต้องมีสภาพคล่องเตรียมไว้อย่างน้อย 3 พันล้านบาท เพื่อเตรียมไว้จ่ายหนี้และบริหารเงินกองทุนยืนยันสามารถชำระหนี้ได้ตามแผน ถ้าไม่มีเหตุการณ์ใหญ่ๆจนส่งผลกระทบ ขณะที่LPG ยังคงตรึงราคาต่อไป เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้ประชาชน เนื่องจากการปรับราคาขึ้นจะมีผลกระทบในวงกว้างมากกว่า”
แหล่งกล่าวถึง การสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันฯคนใหม่ จากการเปิดรับสมัครในรอบแรก เมื่อผ่านเข้าสู่กระบวนการสอบสัมภาษณ์จากคณอนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการฯ ปรากฏว่าไม่มีคนผ่านหลักเกณฑ์ โดยเตรียมเปิดรับสมัครรอบที่สอง ตั้งแต่วันที่ 8ก.ค.-8 ส.ค. 2568 ซึ่งต้องยอมรับว่าบทบาทหน้าที่ของผู้อำนวยการกองทุนน้ำมันฯในปัจจุบันมีมากขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ดูแลราพลังงานอย่างเดียว แต่ยังต้องบริหารจัดการหนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องชำระคืน
ขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านที่ต้องพิจารณาประกอบกันโดยเฉพาะสงครามความขัดแย้งของต่างประเทศจำเป็นต้องได้ผู้บริหารที่เชิงรุก