สั่งแตะเบรกราคาเบนซิน-ดีเซลขยับ ตุนสำรองน้ำมัน

สั่งแตะเบรกราคาเบนซิน-ดีเซลขยับ ตุนสำรองน้ำมัน
พลังงาน ติดตามเหตุสู้รบ อิสราเอล – อิหร่านใกล้ชิด สั่งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมดูแลทั้งราคาและสำรองน้ำมัน ล่าสุดหั่นเงินนำส่งดีเซลลงอีก 50 สต.คุมราคาไม่เกิน 32บาท

 นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลังจากที่เกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะมีรายงานข่าวเมื่อคืนวันจันทร์ว่า อิหร่านพร้อมกลับมาเจรจาเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์กับสหรัฐหลังจากที่อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจาไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์การสู้รบก็ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้หลายประเทศเกิดความกังวลต่อสถานการณ์ โดยนักวิเคราะห์จากหลายหน่วยงานรายงานถึงการคาดการณ์หากการสู้รบขยายวงกว้างขึ้น จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมทั้งอาจจะมีการปิดกั้นเส้นทางในการขนส่งน้ำมันอย่างช่องแคบฮอร์มุช ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ

ทางกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยในด้านราคาน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 72.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจากต้นเดือนมิถุนายนที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดูแลด้านราคาขายปลีกภายในประเทศเพื่อไม่ให้ประชาชน ได้มีมติเมื่อวานนี้ ให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยใช้กลไกอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพ และพยุงราคาน้ำมันในประเทศ ไม่ให้กระทบกับความต่อเนื่องในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ ในระยะยาว

ขณะที่ด้านปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศ ปัจจุบันมีน้ำมันดิบคงเหลือประมาณ 3,337 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 25 วัน น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง 2,457 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 19 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 1,874 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 16 วัน รวมปริมาณน้ำมันคงเหลือที่สามารถใช้ได้ 60 วัน ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จะมีการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศเพื่อลดผลกระทบด้านราคาให้มากที่สุด

“กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านอย่างใกล้ชิด ได้เตรียมพร้อมในเรื่องของปริมาณสำรองพลังงาน ซึ่งมีข้อกำหนดและมาตรการในการสำรองปริมาณน้ำมันและก๊าซหุงต้มอยู่แล้ว รวมถึงการเตรียมแนวทางการบริหารจัดการด้านราคาหากการสู้รบรุนแรงขึ้นและยืดเยื้อ โดยไทยเองเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน ทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านราคาได้

ทางกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็ได้มีมติปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการหากราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอีก  จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์และดำเนินทุกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและปริมาณสำรองน้ำมัน และขอให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดการนำเข้า ก็จะช่วยให้ประเทศลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ด้วย” นายวีรพัฒน์ กล่าว

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลลงอีก 50 สตางค์/ลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป เพื่อช่วยตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไม่ให้ปรับขึ้น  และลดผลกระทบต่อประชาชนและภาคขนส่ง จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นและผันผวน

ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุด ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับขึ้นมาอยู่ที่ 72.89 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล (จากเดิม 72.50 เหรียญฯ) ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นชัดเจนที่ 90.28 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล (จากเดิม 88.02 เหรียญฯ) ขณะที่น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 85.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล (ลดลงจากเดิม 85.44 เหรียญฯ) สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดและความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่ยังคงยืดเยื้อ และสร้างความผันผวนในตลาดพลังงานของโลก

การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ เป็นมาตรการต่อเนื่องเพื่อช่วยตรึงราคาหน้าปั๊ม และบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ส่งผลให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซล ลดลงประมาณวันละ 31.07 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 94.04 ล้านบาท เหลือประมาณวันละ 62.97 ล้านบาทขณะที่รายรับจากกลุ่มน้ำมันเบนซินยังคงเท่าเดิม และอยู่ที่ประมาณวันละ 72.88 ล้านบาทเท่าเดิม

TAGS: #อิสราเอล #– #อิหร่าน #สำรองน้ำมัน #กองทุนน้ำมัน