สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ออกกฎความปลอดภัยด้านอาหารและเครื่องดื่ม ยกระดับมาตรฐานคุ้มครองผู้บริโภค บังคับติดฉลากแจ้งคุณค่าอาหาร ตรวจสอบย้อนน้ำมันที่ใช้ผลิต
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)ได้ออกกฎความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety Regulations) เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและยกระดับคุณภาพอาหาร ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะศูนย์กลางระดับโลกด้านอาหาร โดยสาระสำคัญของกฎความปลอดภัยด้านอาหารดังกล่าว คือ
1. กำหนดมาตรการความปลอดภัยด้านอาหารที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยมีผลต่อทั้งสินค้านำเข้าและสินค้าที่จำหน่ายภายในประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเข้าสู่ตลาดและเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคในทุกขั้นตอน
2. สร้างระบบการติดฉลากโภชนาการ Nutri-Mark โดยจะแบ่งผลิตภัณฑ์อาหารออกเป็น 5 ระดับ (จาก A ถึง E) อิงตามคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งจะเริ่มใช้กับผลิตภัณฑ์น้ำมันสำหรับประกอบอาหาร ผลิตภัณฑ์ประเภทขนมอบ อาหารสำหรับเด็ก ผลิตภัณฑ์จากนม และผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่ม ในเดือนมิถุนายน 2568
3. กำหนดให้มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับสำหรับผลิตภัณฑ์จากพืช เพื่อเสริมสร้างให้เกิดความโปร่งใสในอุตสาหกรรมอาหาร
4. กำหนดให้ใช้ระบบการตรวจสอบตามความเสี่ยง โดยความถี่และความเคร่งครัดในการตรวจสอบจะขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง อาทิ ธุรกิจอาหารที่เสียง่ายและอาหารพร้อมรับประทาน จะได้รับการตรวจสอบบ่อยครั้งขึ้นและมาตรการการตรวจสอบจะรัดกุมยิ่งขึ้น
5. สร้างระบบที่มีความรัดกุม ทำให้ความปลอดภัยด้านอาหารทั้งประเทศเป็นไปอย่างสอดคล้องกัน
6. ขยายขอบเขตของกฎด้านความปลอดภัยทางอาหารให้ครอบคลุมถึงธุรกิจ e-commerce
ปัจจุบัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยในปี 2567 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถึง 9,952.64 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 27.23 โดยเป็นการส่งออกสินค้าประเภทอาหารสัดส่วนร้อยละ 88.45
และเครื่องดื่มร้อยละ 11.55
ทั้งนี้การเติบโตของการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การออกกฎความปลอดภัยด้านอาหารถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มทั้งภายในประเทศและประเทศคู่ค้าของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยผู้ประกอบการไทยควรติดตามรายละเอียดกฎความปลอดภัยด้านอาหาร และเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ การติดฉลากโภชนาการ รวมถึงขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าที่มีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนด