กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เผยผลพวงกลัวสัตว์อ้วน ดันอาหารสัตว์เลี้ยงผลิตจากธรรมชาติของไทย มีโอกาสขายสหรัฐฯ
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เผย กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.เกษสุรีย์ วิจารณกรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้า
ในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ถึงการสำรวจตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ โอกาสและวิธีการในการขยายการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของไทย เจาะเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ
โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 64.17 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2033 จาก 44.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2024 ซึ่งการขยายตัวนี้ได้รับแรงหนุนจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่แข็งแกร่งที่ 4.11% ในช่วงระหว่างปี 2025 ถึง 2033 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของตลาด ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมและออร์แกนิก ตลอดจนความสนใจที่เพิ่มขึ้นในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง โดยเจ้าของสัตว์เลี้ยง มีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงและอาหารเฉพาะทางที่ตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพของสัตว์เลี้ยง เช่น การควบคุมน้ำหนัก การแพ้อาหาร
นอกจากนี้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงยังมองว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ส่งผลให้เกิดความต้องการที่สูงขึ้นต่อแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูงและเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิก ปราศจากธัญพืช หรือสูตรเฉพาะที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการด้านสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวยังช่วยส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเฉพาะทาง และกูร์เมต์ เนื่องจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงยินดีที่จะใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อดูแลสุขภาพและยืดอายุขัยของสัตว์เลี้ยงของตน
ขณะเดียวกัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ มีความใส่ใจในสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น โดยเฉพาะ ในเรื่องของโภชนาการและคุณค่าทางอาหารของผลิตภัณฑ์ที่เลือกให้สัตว์เลี้ยงบริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเชิงฟังก์ชันและโภชนาการเฉพาะทาง ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพเฉพาะ เช่น การควบคุมน้ำหนัก การดูแลข้อต่อ หรือการแพ้อาหาร กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปี 2024 ที่ผ่านมา มีครัวเรือนในสหรัฐฯ ถึง 66% หรือประมาณ 86.9 ล้านครัวเรือนที่เลี้ยงสัตว์ โดยแบ่งเป็น 65.1 ล้านครัวเรือนที่เลี้ยงสุนัข 46.5 ล้านครัวเรือนที่เลี้ยงแมว และส่วนอื่น ๆ เลี้ยงปลา สัตว์ขนาดเล็ก และนก
น.ส.สุนันทา กล่าวว่า จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ดังกล่าวว่า เปิดโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมและฟังก์ชันเฉพาะที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพและโภชนาการ ด้วยจุดแข็งของประเทศไทยในด้านวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ปลา ข้าว และสมุนไพร รวมถึงมาตรฐานการผลิตที่สามารถพัฒนาให้เทียบเท่าสากล ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างความแตกต่างผ่านแบรนด์ที่เน้นเรื่องความเป็นธรรมชาติ คุณภาพ และปลอดภัย สร้างจุดขายให้กับสินค้าไทยได้
ส่วนช่องทางการเข้าสู่ตลาด ควรให้ความสำคัญกับการขายผ่านช่องทาอีคอมเมิร์ซและโมเดล Direct-to-Consumer เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้โดยตรง และควรให้ความสำคัญกับการรับรองมาตรฐานระดับสากล การติดฉลากที่ชัดเจน และการควบคุมความปลอดภัยของส่วนผสมอย่างเข้มงวด รวมไปถึงการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในตลาดเป้าหมาย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับการแข่งขันในตลาดอย่างยั่งยืน
สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169