กบน.สั่งลดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯรองรับภาษีสรรพสามิตขยับ ช่วยตรึงราคาตรึงราคาหน้าปั๊มบรรเทาผลกระทบประชาชน ส่งผลรายรับกองทุนฯหายไปเกือบวันละ 50 ล้านบาท มีหนี้สะสมอยู่ 4.7 หมื่นล้านบาท
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เสนอประกาศกฏกระทรวงปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันใหม่ของกลุ่มเบนซินและดีเซล โดยปรับในส่วนของเบนซิน95 เพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มขึ้น 90 สต.ต่อลิตร อี20 เพิ่มขึ้น 80 สต.ต่อลิตร อี85 เพิ่มขึ้น 15 สต.ต่อลิตรและดีเซล 93 สต.ต่อลิตร โดยกฏกระทรวงดังกล่าวได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อช่วงค่ำวานนี้(6พ.ค.) โดยมีผลบังคับใช้ ในวันนี้ (7พ.ค.)
ทั้งนี้เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้คือโดยที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงสมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลเพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอันเป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและเสถียรภาพทางการคลังของรัฐ
ขณะที่การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมัน เพื่อรองรับการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยมีเป้าหมายไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการปรับขึ้น เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะประธาน กบน. ได้มอบหมายให้นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ทำการวิเคราะห์และประเมินผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยพิจารณาความสามารถของกองทุนน้ำมันฯ ในการรองรับรายได้ที่น้อยลง และให้นำเสนอ กบน. พิจารณาปรับอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบต่อค่าครองชีพในการดำเนินการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมัน พร้อมแจ้งข้อเท็จจริงต่อไป
นายพรชัย พรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและปัจจัยทุกด้านแล้วประเมินได้ว่ากองทุนน้ำมันฯ สามารถปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรองรับการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2568
อย่างไรก็ตามหากเกิดสถานการณ์วิกฤตการณ์ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจนส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขาดสภาพคล่อง จะเสนอให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต พิจารณาปรับลดภาษีน้ำมันลง เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม ซึ่ง กบน. ได้พิจารณาเห็นชอบปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่ 1 การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเท่ากับอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ตามมติคณะรัฐมนตรี และส่วนที่ 2 การพิจารณาค่าการตลาดที่เหมาะสม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
ชนิดน้ำมัน |
อัตราภาษีสรรพสามิต |
ภาษีราชการส่วนท้องถิ่น |
อัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ |
|||
เดิม |
ใหม่ |
เดิม |
ใหม่ |
เดิม |
ใหม่ |
|
ULG 95 |
6.50 |
7.50 |
0.6500 |
0.7500 |
10.7100 |
10.50 |
GASOHOL95 E10 |
5.85 |
6.75 |
0.5850 |
0.6750 |
4.4000 |
3.70 |
GASOHOL91 E10 |
5.85 |
6.75 |
0.5850 |
0.6750 |
4.4000 |
3.70 |
GASOHOL95 E20 |
5.20 |
6.00 |
0.5200 |
0.6000 |
2.7000 |
2.40 |
GASOHOL95 E85 |
0.975 |
1.125 |
0.0975 |
0.1125 |
3.6000 |
3.60 |
H-DIESEL |
5.99 |
6.92 |
0.599 |
0.6920 |
3.4200 |
3.00 |
การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะส่งผลให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมัน ลดลงประมาณวันละ 49.57 ล้านบาทต่อวัน จากประมาณวันละ 393.97 ล้านบาทต่อวัน เป็นประมาณวันละ 344.40 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 ติดลบอยู่ที่ 47,779 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบอยู่ที่ 2,540 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 45,239 ล้านบาท
นายพรชัย กล่าวว่า กบน.ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันภายในประเทศ พร้อมยืนยันหลักการดำเนินงานที่ “เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้” เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกมาตรการมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ และประชาชน อย่างแท้จริง