กกพ.ดึงเงิน Claw Back 3 การไฟฟ้า 1.2 หมื่นล้านบาท ลดค่าเอฟทีช่วยประชาชนส่งผลให้ค่าไฟลดจาก 4.15 บาท เหลือ 3.98 บาท/หน่วย
ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมกกพ.มีมติให้ปรับค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ(ค่าเอฟที) ประจำเดือนพ.ค.-ส.ค. 2568 จากเดิม 36.72 สตางค์(สต.)ต่อหน่วย เป็น 19.72 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงจาก 4.15 บาทต่อหน่วย เป็น 3.98 บาทต่อหน่วย หรือลดลงประมาณ 17 สต.ต่อหน่วยตามข้อเสนอ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนดค่าเป้าหมายของค่าไฟฟ้าไว้ให้ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย
การปรับลดค่าไฟฟ้าดังกล่าว กกพ. พิจารณาจาก 2 ปัจจัย คือ1.ต้องการให้ค่าไฟฟ้าอยู่ในระดับเหมาะสมกับสภาวะวิกฤตเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและลดภาระค่าครองชีพ 2.ต้องสามารถลดภาระทางการเงิน ภาระดอกเบี้ย ดูแลผลกระทบต่อเครดิตเรทติ้งของ กฟผ. ควบคู่กันไปด้วย ในรอบนี้
ทั้งนี้ได้เลือกแนวทางที่จะนำเงินที่ได้จากการเรียกคืนประโยชน์ส่วนเกินจากการไฟฟ้า(Claw Back) จำนวนประมาณ 12,200 ล้านบาทมาลดค่าไฟ โดยแนวทางนี้ กฟผ. ยังคงได้รับการชำระคืนค่าเชื้อเพลิงคงค้างใกล้เคียงจำนวนตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 20.33 สตางค์ต่อหน่วยหรือเป็นเงินรวม 14,590 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กกพ. ได้ตรวจสอบและรับรองจำนวนเงินที่ได้จากการเรียกคืนประโยชน์ส่วนเกินของการไฟฟ้า มาได้ทั้งสิ้นประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยนำมาใช้ในการลดค่าไฟในงวดพ.ค.-ส.ค. จำนวน 12,200 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 7,800 ล้านบาท สำรองไว้สำหรับการดูแลค่าไฟฟ้าในระยะต่อไป ซึ่ง กกพ. มองว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังคงผันผวนและมีความไม่แน่นอน