ดัชนีเชื่อมั่นฯดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3 หลังเศรษฐกิจผ่อนคลายจากมาตรการกระตุ้น จับตานผลกระทบโยบายทรัมป์ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงท่องเที่ยวหลังดาราจีนถูกลักพาตัว
ดร.ศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคม 2567 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 10 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มเห็นว่ามาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วยผ่อนคลายให้สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นและการท่องเที่ยวในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 51.4 55.3 และ 67.0 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนพฤศจิกายน ที่อยู่ในระดับ 50.4 54.3 และ 66.1 ตามลำดับ
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 56.9 เป็น 57.9 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง
ตลอดจนสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซาที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
ด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 40.4 เป็น 41.3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 64.9 มาอยู่ที่ระดับ 66.0
“แม้ดัชนีเชื่อมั่นะปรับตัวดีขึ้นแต่ยังต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ และค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง”
รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า ขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวสะท้อนจากผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจส่งผลให้มีการจับจ่ายใช้สอยตามเทศกาลสำคัญ ขยายตัว 3% แต่จุดที่จะวัดอีกครั้งคือช่วงเทศกาลตรุษจีน
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องระวังและมีผลต่อเศรษฐกิจไตรมาสแรกคือการประกาศนโยบายของทรัมป์ รวมถึงการลักพาตัวของดาราจีน จะมีผลกระทบท่องเที่ยวอย่างไร เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นแกนนำในการสร้างรายได้ท่องเที่ยวของประเทศ ตลอดจนยังมีความคาดหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ Easy E-Receipt