การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯกลายเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทให้ความสนใจ แต่ต้องมาคู่กับความยั่งยืน ‘ขยล ตันติชาติวัฒน์‘ หัวเรือใหญ่ Metthier เปิด 6 แกนสำคัญที่ช่วยบริหารจัดการอาคารได้อย่างยั่ง

‘นวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัย’ คำนี้เรามักจะได้ยินบ่อยขึ้นหลังจากที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทแทบจะทุกส่วนของชีวิตไปแล้ว แต่ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็วการประยุกต์ใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและเพิ่มคุณภาพชีวิต เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติ แต่ยังทำให้ที่อยู่อาศัยกลายเป็นสถานที่ที่ชาญฉลาดและยั่งยืนมากขึ้น

‘ขยล ตันติชาติวัฒน์‘ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) กล่าวบนเวทีงานสัมมนา TERRAHINT BRAND SERIES ของเว็ปไซต์ TerraBKK.com ปีที่ 7 โดย ‘ขยล’ ได้ฉายให้เห็นถึงข้อมูล Data Base การเติบโตของตึกออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงคอนโดมิเนียมในประเทศไทย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนหลายแสนยูนิต แต่พบว่ามีเพียงอาคาร 5,000 แห่งที่พยายามทำเรื่อง Green Building และยิ่งไปกว่านั้นในประเทศไทยมีอาคารเพียง 300 แห่งเท่านั้นที่ได้รับ Certified Green Building ระดับโลก 

แต่หากจะชวนคิดต่อว่า Certified Green Building คืออะไร? คําตอบที่พบส่วนใหญ่มักจะเป็นการนำวัสดุจากธรรมชาติที่มีอยู่และเหลือใช้ มาออกแบบในตัวอาคารด้วยการนำมารีไซเคิล ซึ่งการทําแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์เรื่องของ Sustainability และ Climate Change เท่าไรนัก

6 แกนสำคัญในการจัดการอาคารได้อย่างยั่งยืน

‘ขยล’ ได้หยิบยก 6 แกนสำคัญที่จะทำให้เราสามารบริหารจัดการอาคารได้อย่างยั่งยืน ได้แก่ 

1.ความทนทานและบำรุงรักษาได้ (Durable and Maintainable)
2.การมีประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency)  
3.การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco Friendly Materials)
4.การลดขยะ (Waste Reduction)
5.ประสิทธิภาพการใช้น้ำ (Water Efficiency) 
6.คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร (Indoor Environmental Quality)

ซึ่งการที่จะทําทั้ง 6 แกนนี้ให้เกิดเป็น Sustainable ได้เราต้องรู้ก่อนว่าอาคารของเรามีการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) เท่าไหร่ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเก็บข้อมูล ต่อยอดกับ AI และ IoT เพื่อพัฒนายกระดับการบริหารจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมและพลังงาน (Sustainable Energy Management) จะทำให้ชีวิตที่หรูหรา (luxury life) ของเราในแบบที่อยากจะเป็นนั้นดีขึ้นได้

Metthier ซึ่งเป็น Tech Company ที่รังสรรค์เทคโนโลยีขั้นสูง Smart Facility Management ไม่ว่าจะเป็น AI CCTV, Smart Incident Management, Digital Twin, 3D Visualization, Indoor Mapping, AIoT and Robotics เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรและระบบภายในอาคาร โดยควบคุมการทำงานผ่านศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเมทเธียร์ (Metthier Intelligent Operation Center: MIOC)  ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีบริการที่พร้อมรองรับโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ 

นอกจากนี้ Metthier ยังมีอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงที่กําลังทําอยู่ “METTRIQ” (Metthier Reformative IQ) เป็นแพลตฟอร์มการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะครบวงจรแพลตฟอร์มแรกในประเทศไทยที่รวม 12 ระบบเทคโนโลยีไว้ในแพลตฟอร์มเดียว  โดยระบบนี้สามารถดึงข้อมูลออกมาได้และทำให้เรารู้ว่าจริง
แล้วเราปล่อยก๊าซคาร์บอนออกไปเท่าไหร่ หรือสูญเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของอาคารบรรลุเป้าหมาย KPI ที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ 

“ Net Zero ไม่เกิดขึ้นจากเพียงแค่การแยกขยะบนถัง 5 ถังเท่านั้น แต่มันเกิดจากการที่เราพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) โดยการใช้ข้อมูลจากเทคโนโลยีในการวางแผนเพื่อจะให้เกิดเป็น Net Zero จริงๆ” ขยล กล่าว

ขยล กล่าวเสริมอีกว่า ปัจจุบันโรโบติกส์เข้ามามีส่วนในชีวิตของคนบนโลกใบนี้แล้ว  Metthier ได้สร้าง
หุ่นยนต์ทำความสะอาดขึ้นมา นอกจากการใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาดแล้วยังสามารถช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความทันสมัยให้กับอาคารนั้นๆด้วย ถือเป็นการพัฒนารูปแบบธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนไปเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น 

และอีกสิ่งที่ ‘ขยล’ ให้ความสำคัญคือเรื่องของ Data เพื่อจะทำให้เราสามารถนำมาประเมินให้เห็น Performance ได้ ซึ่งหากเกิดปัญหา บริษัทฯจะสามารถส่งช่างที่ออฟฟิศเข้าไป Proactiveได้เลยไม่ต้องรอให้มีคนแจ้งซ่อม ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายการให้บริการของ Metthier ที่ต้องการให้คนทํางานร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง