ค้าปลีกท้ายปี67 อ่วม ยอดขายหด 56% สต็อกบวม กำลังซื้อกระจุก-‘อีสาน’ ฟื้นตัวช้าสุด  

ค้าปลีกท้ายปี67 อ่วม  ยอดขายหด 56% สต็อกบวม  กำลังซื้อกระจุก-‘อีสาน’ ฟื้นตัวช้าสุด  
อุตฯค้าปลีกมูลค่า 4.4 ล้านล้านบาท ปี67 ยังอ่อนแรง ฟื้นช้าปรับเป้าโต 2-5% จากเดิม 3-7% รับยอดขายหดลามถึงกลุ่มพรีเมียม ห่วงผู้ประกอบการ 56% สต๊อกล้นใช้เวลาระบายสินค้าเกิน 1-3 เดือน

ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาพรวมค้าปลีกครึ่งแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ค่อนข้างน่าผิดหวัง จากตอนแรกประเมินไว้ดีกว่านี้ สอดคล้องกับข้อมูลของ GDP ไทยช่วงครึ่งปีแรกเติบโตเพียง 1.9% และไตรมาส 3 คาดว่าจะแย่กว่าไตรมาส 2 ดังนั้น หากอยากให้ GDP เติบโตระดับ 3% ต้องทำไตรมาส 4 ให้ถึง 4.2% ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้

ทั้งนี้ หากแยกตามประเภทค้าปลีก จะเห็นการฟื้นตัวช้า ๆ แบบกระจุกตัว ดังนี้

  • กลุ่มค้าปลีก รูปแบบห้างสรรพสินค้า, แฟชั่นความงาม และไลฟ์สไตล์ ขยายตัวได้ดี เมื่อเทียบกับค้าปลีกอื่น ๆ ปัจจัยหลักมา ยังคงเป็นเรื่องมู้ดการจับจ่ายของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ และนักท่องเที่ยว
  • ร้านสะดวกซื้อในเมือง และซูเปอร์มาร์เก็ต ที่สาขาตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะในเขต กทม. ปริมณฑล และภาคกลาง ขยายตัวได้เล็กน้อย ส่วนที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค ภาคเหนือ และภาคใต้ ทรงตัว และลดลงเล็กน้อยในภาคอีสาน
  • กลุ่มค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ต และกลุ่มค้าส่งค้าปลีกภูธร มีความยากลำบาก การขยายตัวติดลบ
  • กลุ่มค้าปลีกค้าจำหน่ายสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ตกแต่ง ซ่อมบำรุง, Smart Phone ขยายตัวลดลง จากงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างล่าช้า
  • กลุ่มค้าปลีกและบริการ ร้านอาหาร-ภัตตาคารและเครื่องดื่ม โดยภาพรวมทรงตัว แต่จะมีการขยายตัวได้บ้างในเขต กทม. ปริมณฑล และเมืองท่องเที่ยว

4 ปัจจัยทำสต๊อกล้น

จากการสอบถามผู้ประกอบการในเดือนมิถุนายน 2567 พบว่า 56% ของผู้ประกอบการมีสต๊อกสินค้าสูงเกินความเหมาะสม แบ่งเป็น

  • ผู้ประกอบการ 37% ต้องใช้เวลาระบายสินค้า 1-3 เดือน
  • ผู้ประกอบการ 13% ต้องใช้เวลาระบายสินค้า 3-6 เดือน
  • ผู้ประกอบการ 6% ต้องใช้เวลาระบายสินค้า 6-9 เดือน

สาเหตุที่สินค้าคงคลังสูงกว่าระดับที่เหมาะสม มาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่

  1. คำสั่งซื้อน้อยกว่าที่คาด (66%)
  2. ผลิตไว้ล่วงหน้าเพราะคาดว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้น (17%)
  3. คาดว่าคำสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้น (11%)
  4. มีอุปสรรคในการขนส่ง (6%)

สินค้าราคาสูงเริ่มกระทบกำลังซื้อ

ขณะที่ยอดขายสินค้าทุกประเภทมีแนวโน้มลดลง โดยข้อมูลช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 เริ่มเห็นสัญญาณการใช้จ่ายชะลอลงของผู้มีรายได้ระดับปานกลาง สะท้อนจาก สินค้าพรีเมียมลดลง อาทิ อาหารทะเล ผลไม้นำเข้า หากจำแนกตามประเภท พบว่า

  • สินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มใหญ่สุดสัดส่วน 34% มียอดขายลดลงไม่เกิน 10%

  • สินค้าพรีเมียม สัดส่วนใหญ่สุดที่ 29% มียอดขายลดลง 11-20%

  • วัสดุก่อสร้าง กลุ่มใหญ่สุดสัดส่วน 38% มียอดขายลดลงไม่เกิน 10%

‘อีสาน’ แชมป์ฟื้นตัวช้า

ดร.ฉัตรชัย กล่าวว่า การฟื้นตัวของภาคธุรกิจในแต่ละภูมิภาคไม่เท่ากัน และการฟื้นตัวมักจะกระจุกอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ฟื้นตัวช้ากว่าภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค FMCG และร้านค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง

สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจภาคอีสานที่เติบโตลดลงต่อเนื่อง อาทิ ก่อนเกิดโควิด GRP โตเฉลี่ย 2.8% แต่ช่วงตั้งแต่เกิดโควิดเป็นต้นมา GRP โตเฉลี่ย 2.2%

โดยวิกฤตเศรษฐกิจล่าสุด (โควิด) ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของอีสานขยายตัวลดลงชัดเจน บางธุรกิจชะลอตัวลงอีกด้วย

ค้าปลีกปรับเป้าโต 2-5%

ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ประเมิน ธุรกิจค้าปลีกและบริการจะเติบโต 2-5% จากคาดการณ์เดิมในช่วงต้นปีไว้ว่า ธุรกิจค้าปลีกและบริการ จะมีมูลค่า 4.4 ล้านล้านบาท เติบโตในกรอบ 3-7%

ดร.ฉัตรชัยกล่าวว่า ขณะที่กลุ่ม Store-base retailing จะกลับมามีมูลค่าใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ส่วน Non-store retailing เติบโตต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมปี 2567 ค่อยฟื้นตัวเป็นไปแบบช้า ๆ

TAGS: #ค้าปลีก