'สมูทอี' วางปี67 ชูเชี่ยวชาญเวชสำอางด้าน 'สิว' ร่วมวงตลาดทำครีมซองขายครั้งแรก ได้ไอเดียแปลงรถเร่ขายยารุ่นเก๋าสู่แคมเปญ 'โมบายล์ คลินิก' สร้างแบรนด์พ่วงขายของ เจาะเจนฯZทั่วไทยสู่เป้าพันล้านสิ้นปีนี้
ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัทสยามเฮลท์ กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าส่วนบุคคล (Personal Care) และเวชสำอางผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) แบรนด์สมูทอี (Smooth-E) กล่าวว่าในปี 2567 นี้ บริษัทจะมุ่งให้ความสำคัญการทำตลาดเวชสำอางในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านรักษาสิว (Smooth E Acne) ด้วยสินค้าและบริการของสมูทอี ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสภาพผิวหน้า ให้คำแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล และกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ หรือ เจนเนอเรชั่นZ ได้มากขึ้น
โดย บริษัทฯ เตรียมใช้งบประมาณราว 200 ล้านบาท ทำตลาดสินค้ากลุ่มรักษาสิว พร้อมพัฒนานวัตกรรมสินค้าสูตรใหม่ไม่มีสเตียรอยด์ และบรรจุภัณฑ์ให้มีความสดใส ทันสมัยมากขึ้น โดยจะสื่อสารการตลาดผ่านทั้งพรีเซนเตอร์ 'ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์' เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทันสมัยเข้าใจเทรนด์และเข้าถึงได้
ขณะเดียวกันยังได้ปรับแนวทางการสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) ผลิตภัณฑ์ทั้งช่องทางออฟไลน์ และ ออนไลน์ แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ไปพร้อมให้ความรู้การดูแลผิวหน้าที่ถูกต้อง
ศุภาพิชญ์ เสริมว่าปัจจุบัน สมูทอี เป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดเวชสำอางเป็นระยะเวลา 32 ปี ล่าสุดเตรียมแผนทำตลาดสินค้ารายการ (SKU) ใหม่ ในรูปแบบสมูทอีซองเป็นครั้งแรกในกลุ่มดูแลรักษาสิวเป็น SKU แรก วางจำหน่ายปลีก 59 บาทต่อซอง โดยนำร่องทำตลาดในช่องทางขายร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven) จำนวนกว่าหมื่นสาขาทั่วประเทศไทย ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจะทยอยทำตลาดสมูทอีครีมซอง อีก 6 เอสเคยู ภายในสิ้นปี 2567
พร้อมเพิ่มช่องทางขายไปยังร้านค้าปลีกพิเศษความงาม (Beauty Specialty Store) แบรนด์ต่างๆ เพิ่มเติมในอนาคต ด้วยมองเห็นโอกาสตลาดสินค้าดูแลผิวบรรจุซองซึ่งมีสัดส่วนการขายมากกว่า 50% ในช่องทางร้านค้าปลีกสะดวกซื้อในไทย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้งบลงทุนราว 10 ล้านบาท จัดกิจกรรมการตลาดภายใต้แคมเปญ Smooth-E Mobile Clinic หน่วยรถเคลื่อนที่ ‘สมูทอี โมบายล์ คลินิก’ ตระเวนให้บริการการตรวจสภาพผิวหน้า พร้อมให้คำปรึกษาการดูแลผิว และแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่างสมูทอีให้กลับไปทดลองใช้ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาสิว (Smooth E Acne) อาทิ ครีมกันแดด, เจลแต้มสิว สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย, เจลเเต้มสิว สำหรับผิวเป็นสิวง่าย รวมถึง กลุ่มผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าและครีมบำรุง และกลุ่ม Anti-Aging เป็นต้น
โดยในช่วงที่ผ่านมา สมูทอี โมบายล์ คลินิก มีหน่วยรถ 1 คันและได้ทดลองตระเวนให้บริการไปแล้วในพื้นที่ชุมชน สถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่เจนฯZ พร้อมวางแผนเพิ่มหน่วยรถทั้งหมด 3 คัน เพื่อกระจายการให้บริการให้ครอบคลุม 100 จุดได้ทั่วประเทศภายในปีนี้
“แนวคิดสมูอี โมบายล์ คลินิก ยังเป็นการสร้างแบรนด์เอนเกจเม้นต์ให้เข้าถึงลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้ทั่วประเทศมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นคอนเซปต์คล้ายคลึงกับการใช้รถขายยาในสมัยก่อน ที่มีการออกหน่วยรถเร่ไปในแต่ละท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ที่ต้องการเข้าไปทำตลาด” ศุภาพิชญ์ กล่าว
ด้าน ธนชัย ชัยกิตติวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมูทอี บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป กล่าวว่าปัจจุบันสมูทอีมียอดขายอันดับ 1 ในร้านขายยา ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วประเทศมายาวนานกว่า 32 ปี โดยแนวทางการทำตลาดในครึ่งหลังปี 2567 นี้ ที่จะให้ความสำคัญใน 3 มิติ ทั้ง สร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่มสินค้าหลักเติบโตต่อเนื่อง ในกลุ่มผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าและครีมบำรุง โดยจะเปิดตัวโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ (Re-Launch) อาทิ Smooth E Cream ครีมลดรอยแผลเป็น ริ้วรอยและจุดด่างดำจากสิว รองรับกระแสเทรนด์ความงามที่เน้นผิวดูอ่อนเยาว์กว่าวัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกเซกเมนต์ พร้อมทำตลาดเชิงรุกกลุ่มเป้าหมายเจนฯ Z โดยใช้สินค้าในกลุ่ม Smooth E Acne เป็นหัวหอกต่อเนื่องตลอดปี และย้ำภาพลักษณ์ความเชี่ยวชาญดูแลผิวอย่างจริงจัง ในกลุ่ม Anti-Aging หรือ เวชศาสตร์ชะลอวัย
สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งแรกของปี2567 ที่ผ่านมาพอร์ตสินค้าสมูทอี มีอัตราการเติบโตสองหลัก (Double-Digit) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่เติบโตหลักเดียว (One Digit) โดยแบ่งสัดส่วนการเติบโตเป็นกลุ่มโฟม ล้างหน้า และ Smooth E Acne โต 15% และในกลุ่ม Smooth E Sun care โต 10% ขณะที่ตลาดรวมสินค้าดูแลผิวเวชสำอางมีมูลค่าตลาดรวมราว 20,000-30,000 ล้านบาท เติบโตราว 12% จากปัจจัยความต้องการในตลาดที่ยังมีอยู่และผู้เล่นรายใหม่ในช่องขายทางอินเทอร์เน็ต ที่มีมากขึ้น
จากแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทวางเป้าหมายเติบโต 15% หรือมีรายได้ราว 1,000 ล้านบาทจากในปี2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ราว 800 ล้านบาท