จุดเริ่มต้นธุรกิจ 'บี.กริม' ได้เข้ามาทำธุรกิจในไทยเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2421 ในกลุ่มเภสัชกรรมและเคมีภัณฑ์ในชื่อ ‘สยามดิสเป็นซารี่’ ก่อนขยายการเติบโตไปสู่ธุรกิจที่หลากหลายในปัจจุบัน
โดยในวันนี้ กลุ่มบี.กริม (BGRIM Group) ได้ดำเนินการมาร่วม 146 ปีแล้ว ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่น3 ของตระกูลลิงค์ ‘ดร.ฮาราลด์ ลิงค์’ ประธาน บี.กริม พร้อมทำธุรกิจหลัก 6 กลุ่มได้แก่ 1.ธุรกิจด้านพลังงาน 2.ธุรกิจอุตสาหกรรม 3.ธุรกิจสุขภาพ 4.ธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล 5. ธุรกิจไลฟ์สไตล์ และ 6. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
“จากจุดเริ่มต้นบี.กริม ในธุรกิจปรุงยาสมัยใหม่ในสมัยรัชกาลที่5 ที่ยึดมั่นแนวคิดการทำธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารีเพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม จนถึงวันนี้บี.กริม มีความหลากหลายธุรกิจนับแต่การบุกเบิกในกิจการด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากถึง 146 ปีในปัจจุบัน”
และจาก 6 สายธุรกิจดังกล่าวของบี.กริม ยังได้วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยการผสานความร่วมมือทางธุรกิจ (Synergy) เพื่อไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียว ‘One B.GRIM’ ให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืนร่วมกันในประเทศไทย พร้อมมุ่งให้ความสำคัญใน 3 กลุ่ม คือ ธุรกิจพลังงาน โดย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจอุตสาหกรรม โดยบริษัท บี.กริม อุตสาหกรรม และ ธุรกิจยา โดย บี.กริม ฟาร์มา
“ใน2 ธุรกิจด้านพลังงานและอุตสาหกรรม จะเป็นแกนหลักสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้กับบี.กริม ส่วนธุรกิจยา ถือเป็นการหวนคืนกลับไปยังจุดตั้งต้นของการทำธุรกิจครั้งแรกของบี.กริมในประเทศไทย ภายใต้หลักการทำธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี โดยในสุดท้ายแล้วทุกอย่างจะเชื่อมโยงเป็นบี.กริม เดียวกันได้ทั้งหมด”
โดย บี.กริม เตรียมใช้งบลงทุนถึงในปี 2573 ไม่ต่ำกว่า 410,000 ล้านบาท ขณะนี้มีทุน (Equity) อยู่ที่ 48,000 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดในมือราว 10,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้วิธีหาพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนมูลค่าราว 15.000 ล้านบาท รวมไปถึงการเสนอขายหุ้นกู้ของบี.กริม ที่ได้การตอบรับดีมาโดยตลอด
ย้ำ ‘พลังงาน ยั่งยืนระยะยาว’
สำหรับ ธุรกิจพลังงาน ‘บี.กริม เพาเวอร์’ กริม ยังคงเดินตามยุทธศาสตร์ระยะยาว “GreenLeap – Global and Green” ด้วยเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50% ในปี 2573 และตั้งเป้าขยายการลงทุนสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา
โดยมีเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emissions ภายในปี 2593 (คศ. 2050) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาโครงการในประเทศไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อิตาลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มีกำลังการผลิตติดตั้ง และได้เปิดดำเนินการ (COD) แล้วรวม 3,970 เมกะวัตต์ เมื่อรวมโครงการซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีก 12 โครงการ จะมีกำลังการผลิตรวมเป็น 4,623 เมกะวัตต์
จากในปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์ มีการขยายโครงการต่างๆ ในต่างประเทศจำนวนมาก มีไฮไลท์คือประเทศเกาหลีใต้ ด้วยการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 122.49 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 1,000 เมะวัตต์
ส่งผลให้ บี.กริม เพาเวอร์ เป็น 1 ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สเปน สหรัฐอเมริกา และไทย ที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลเกาหลีใต้ เข้าร่วมงาน Investment Korea 2023 พร้อมได้รับรางวัลจากรัฐบาลเกาหลีใต้อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนภายใต้ บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลไทยจำนวน 15 โครงการ รวมกำลังการผลิต 339.3 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้เตรียมพร้อมเข้าร่วมโครงการพลังงานหมุนเวียนในรอบถัดไปแล้ว
‘แคเรียร์’ ขึ้นผู้นำตลาดแอร์
สำหรับ บี.กริม อุตสาหกรรม หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บี.กริม มีผลดำเนินงานในปี 2566 มีรายได้เติบโตขึ้น 14% สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอื่นซึ่งเติบโตน้อยกว่า โดยธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้แก่ ระบบปรับอากาศแคเรียร์ ที่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจระบบปรับอากาศในประเทศไทย จากกลยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และได้การสนับสนุนจากพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย รวมถึงการเปิดตัวนวัตกรรมและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม อาทิ เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยที่สามารถเชื่อมต่อระบบ IoT ระบบปรับอากาศแบบ VRF สำหรับอาคาร หรือระบบบริการหลังการขายที่สามารถแจ้งการทำงานผิดปกติโดยอัตโนมัติ เป็นต้น
ขยาย 100 หัวชาร์จEV ทั่วไทย
นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยชูจุดเด่นการบริการแบบครบวงจรและรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย พร้อมทางเลือกในการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์
โดยในปี 2566 บี.กริม ได้ติดตั้งประมาณ 70 หัวชาร์จให้แก่หลากหลายผู้ประกอบการ โดยปี2567 วางเป้าหมายติดตั้งเพิ่มเป็น 100 หัวชาร์จ โดยจะขยายธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แพลตฟอร์มของ บี.กริม เอง พร้อมขยายธุรกิจไปสู่การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบ EPC ซึ่งเป็นการให้บริการติดตั้งแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Turn-Key ตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง ขออนุญาต จนจบกระบวนการ และมีการพัฒนาโซลูชันเพื่อสุขภาพที่ดีแก่ผู้ใช้อาคาร หรือ Healthy Living Solution ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีระบบไฟ UV-C ยับยั้งเชื้อโรคในระบบปรับอากาศ ล่าสุดได้ติดตั้งในศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลแล้ว 6 แห่ง พร้อมแผนขยายไปยังสถานที่ต่างๆ ต่อเนื่อง
โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในระยะยาวถึง 3 เท่าภายในปี 2573 ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืน
หวนธุรกิจยารับโอกาสอนาคต
สุดท้าย บี.กริม ฟาร์มา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจเรือธงของ บี.กริม เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ป่วย พร้อมยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ได้แก่ ยา และ เวชภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด
- กลุ่มยารักษาโรคระบบประสาทและจิตเวช
- กลุ่มยารักษาโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ
- กลุ่มยารักษาโรคระบบทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอาง และเครื่องมือแพทย์ ต่อการเข้าสู่ธุรกิจยาในครั้งนี้ บี.กริม ยังเห็นโอกาสจากนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการผลิตยาในประเทศไทย รวมถึงการสิ้นสุดสิทธิบัตรยาในกลุ่มยาสามัญ (Generic drugs) ที่ติดอยู่ในกลุ่มบล็อกบัสเตอร์ ด้วยเช่นกัน
โดยปัจจุบัน บี.กริม ฟาร์มา มีผลิตภัณฑ์ยา เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ครอบคลุมกว่า 450 รายการที่ขึ้นทะเบียนยา พร้อมทำตลาดส่งออกใน 26 ประเทศทั่วโลก พร้อมวางเป้าหมายในปี 2573 บี.กริม ฟาร์มา จะสามารถเข้าถึงผู้คนที่ต้องใช้ยาเพื่อการรักษาโรคได้มากถึง 4.5 พันล้านคนต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 3 ล้านคนต่อปี
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ตลอด 145 ปี พร้อมกับกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ จะทำให้บี.กริม เดินหน้าเติบโตสู่องค์กรชั้นนำระดับโลก พร้อมผลักดันให้ต่างประเทศเห็นถึงศักยภาพของคนไทย และช่วยนำพาธุรกิจ และพันธมิตรทุกคนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมวาวเป้าหมายรายได้ธุรกิจอยู่ที่ 150,000 ล้านบาท ในโอกาสที่บี.กริม ฉลองอายุครบ 150 ปี หรือในปีพ.ศ. 2471