ส่งออกอาการน่าเป็นห่วงเศรษฐกิจโลกถดถอย ส่อติดลบ 1 %

ส่งออกอาการน่าเป็นห่วงเศรษฐกิจโลกถดถอย ส่อติดลบ 1 %
กกร.หั่นเป้าส่งออกปีนี้เหลือ ติดลบ 1% เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จี้รัฐเร่งกระตุ้นใช้จ่ายในประเทศ บูมท่องเที่ยว เชื่อไทยยังไม่เข้าสู่ technical recession

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือนมีนาคม 2566  กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกมีโอกาสเกิดภาวะถดถอยลดลงด้วยแรงสนับสนุนจากกิจกรรมเศรษฐกิจภาคบริการที่ขยายตัวได้ แต่กิจกรรมภาคการผลิตยังหดตัวต่อเนื่อง

ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศหลักในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคบริการที่ปรับตัวดีขึ้น เช่น จากกิจกรรมการเดินทางท่องเที่ยว และการก่อสร้างโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังเติบโตได้จากภาคบริการเป็นหลัก

ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ส่งผลให้ตลาดกังวลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดไปอีกระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมกิจกรรมในฝั่งภาคการผลิตยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน สำหรับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคของจีนนั้นคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 2

การส่งออกของไทยมีแนวโน้มหดตัวต่ออีกระยะหนึ่ง สอดคล้องกับการส่งออกของคู่แข่งของไทยในภูมิภาค เช่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่มีทิศทางหดตัวเช่นเดียวกัน โดยได้รับผลกระทบจากกิจกรรมภาคการผลิตของโลกที่ยังอยู่ในภาวะหดตัว

รวมถึงการปรับสมดุลระดับสินค้าคงคลังหลังจากความต้องการสินค้าที่ได้อานิสงส์จากโควิด-19 โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับการ work from home ลดลง ซึ่งมีผลให้สินค้าบางประเภทมีแนวโน้มอยู่ในวัฏจักรสินค้าช่วงขาลง เช่น คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ราคาสินค้าส่งออกยังมีแนวโน้มลดลงตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้น มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2566 อาจต่ำกว่าปีที่ผ่านมาได้

ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่เกิด technical recession แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4/65 จะหดตัว 1.5% เทียบกับไตรมาสที่ 3/65 แต่คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 1/66 จะไม่หดตัวต่อจนกลายเป็น technical recession โดยการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนเศรษฐกิจในไตรมาสแรกให้ฟื้นตัวได้ และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีจะเพิ่มสูงถึงราว 25-30 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าประมาณการเดิมที่ราว 22 ล้านคน ที่ประชุม

นายเกรียงไกร กล่าวว่า กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.0-3.5% ตามกรอบเดิมที่เคยประเมินไว้ แม้ว่าการส่งออกจะมีโอกาสหดตัวในกรอบ-1.0% ถึง 0.0% เทียบกับประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1-2 % แต่การท่องเที่ยวและการขับเคลื่อนการใช้จ่ายของภาครัฐยังเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจ  ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2.7 - 3.2% 

“กกร. มีความคิดเห็นว่าการส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว ตามภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้นเศรษฐกิจไทยควรให้ความสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เร่งการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล รวมทั้งอาศัยโอกาสจากภาคการท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วงนี้ ส่งเสริมท่องเที่ยวกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งจะมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ในกรอบประมาณการเศรษฐกิจเดิม”

นอกจากนี้ที่ประชุมแสดงความเห็นเรื่องค่าแรง ความผันผวนของค่าเงินบาทและต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ปัจจัยท้าทายเหล่านี้ส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งภาคเอกชน อยากให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้ร่วมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นการแก้ไขปัญหา รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถปรับตัวรับความเสี่ยงผลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยที่ทยอยปรับสูงขึ้น

 

 

TAGS: #กกร. #ส่งออกติดลบ #technical #recession