ยอดจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ขาขึ้น 11 เดือน จำนวน 81,291 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนเพิ่ม33.83% รับปัจจัยหนุนภาคท่องเที่ยวฟื้น-ร้านอาหาร-Soft Power ขณะที่ยอดเลิกกิจการลดลงเล็กน้อย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึง ยอดจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 ว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนพฤศจิกายน 2566 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 5,979 รายเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็น 3.57% แต่ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาคิดเป็น 10.05% สอดคล้องกับมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ในเดือนพฤศจิกายน จำนวน 25,272.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็น 25.93% โดยลดลงจากเดือนที่ผ่านมาคิดเป็น 7.12%
ทั้งนี้ภาพรวมในการจัดตั้งธุรกิจใหม่ 11 เดือนของปี 2566 มีจำนวน 81,291 ราย เพิ่มขึ้น จากปีก่อน 12.16% ซึ่งเป็นไปตามช่วงเวลาของการจดทะเบียนจัดตั้งที่จะมีแนวโน้มการจดจัดตั้งสูงในช่วงต้นปีและลดลงในช่วงปลายปี โดยพบว่า มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ใน 11 เดือนของปี 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 33.83% เนื่องจากในเดือนมีนาคม 2566 มีการควบรวมกิจการในธุรกิจสื่อสาร โทรคมนาคมและธุรกิจประกันวินาศภัย รวมทั้งมีการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดในกลุ่มธุรกิจโฮลดิ้งและโรงแรม
ด้านการจดทะเบียนเลิกธุรกิจในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีจำนวน 2,608 ราย ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 2.83% แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 16.43%
อย่างไรก็ตามปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อจำนวนการจดทะเบียนธุรกิจให้เติบโตสูงขึ้นยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเฉพาะการสนับสนุน Soft Power ของรัฐบาล และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวอื่นๆ สะท้อนจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจตัวแทนการเดินทางเติบโต 1.04 เท่า ธุรกิจจัดนำเที่ยวเติบโต 69.35% จากการจัดงานเทศกาลที่สำคัญในทุกพื้นที่ของประเทศ
รวมทั้งธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร เติบโต 36.34% จากการผลักดันอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์และให้ชาวต่างประเทศได้รู้จักอาหารไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเติบโต 1.56 เท่า ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด เติบโต 30.69%
สำหรับภาพรวมโดยใน 11 เดือนแรกปี 2566 มีจำนวนการจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 45.58% มีสัดส่วนคิดเป็น 8.59% ของจำนวนธุรกิจ ที่จัดตั้งทั้งหมดใน 11 เดือนแรกปี 2566 นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ ส่งผลให้หลายธุรกิจมีการเติบโตที่สูงและน่าจับตามอง เช่น ธุรกิจขายส่งข้าวเปลือกและธัญพืช เติบโต 1.58 เท่า (เพิ่มขึ้น122 ราย) จากการส่งเสริมนโยบาย BCG Model เช่น การสนับสนุนต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก
ด้านธุรกิจผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เติบโต 2.2 เท่า (เพิ่มขึ้น 11 ราย) จากความต้องการในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า และกลุ่มสินค้าเทคโนโลยี รวมทั้งธุรกิจ e-Commerce เติบโต 18.95% (เพิ่มขึ้น 264 ราย) จากรูปแบบช่องทางการซื้อขาย สินค้าที่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ โดยตลอดทั้งปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 84,000 – 86,000 ราย และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งอยู่ที่ประมาณ 5.5 -6 แสนล้านบาท