‘เนอวานา’ แผนธุรกิจปี66 พัฒนาโครงการอสังหาฯย่านกรุงเทพกรีฑาเป็นหลัก รับกำลังซื้อระดับบนเติบโตสูง พร้อมเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 21,100 ล้านบาท

ศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD กล่าวว่าทิศทางธุรกิจบริษัทฯ ในปี 2566 พร้อมขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มรูปแบบ โดยปีนี้เตรียมงบลงทุน 4,370 ล้านบาท เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ บ้านเดี่ยว ทาว์นโฮมและคอนโดมิเนียม จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 21,100 ล้านบาท ถือเป็นจำนวนโครงการใหม่ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท

“โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวยังคงมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายในตลาดระดับบนเป็นหลัก พร้อมแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการที่อยู่อาศัยในแต่ละเซกเม้นท์อีกด้วย” ศรศักดิ์ กล่าว

สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยทั้ง 9 โครงการ  จะ เป็นโครงการในระดับลักชัวรี (Luxury Segment) มีแบรนด์ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อบ้านในหลากหลายเซกเม้นท์ ตั้งแต่ อัลตร้าลักชัวรี (Ultra-luxury) ซุปเปอร์ ลักชัวรี (Super Luxury) โมเดิร์น ลักชัวรี (Modern Luxury) โมเดิร์น ไฮเอนด์ (Modern High-end) ไปจนถึง โมเดิร์น ไฮเอนด์ ที่จับต้องได้ (Affordable Modern High-end)

โดยโครงการใหม่ทั้ง 9 โครงการ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 3 โครงการ ทาว์นโฮม 1 โครงการ โฮมออฟฟิต 3 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ  ได้แก่ 1. โครงการบ้านเดี่ยวเนอวานา คอลเลคชั่น กรุงเทพกรีฑา (Nirvana Collection Krungthep Kreetha) 2. โครงการบ้านเดี่ยวเนอวานา แอปโซลูท เอกมัยรามอินทรา (Nirvana Absolute Ekkamai Ramintra )

3. โครงการบ้านเดี่ยวเนอวานา แอปโซลูท กรุงเทพกรีฑา (Nirvana Absolute Krungthep Kreetha) 4. โครงการทาว์นโฮม เนอวานา  ดีฟายน์ กรุงเทพกรีฑา(Nirvana Define Krungthep Kreetha) 5. โครงการโฮมออฟฟิศ แอทเวิร์ค เนอวานาทาว์นชิพ (@Work Nirvana Township)  6. โครงการโฮมออฟฟิศ แอทเวิร์ค กรุงเทพกรีฑา (@Work Krungthep Kreetha)

7. โครงการโฮมออฟฟิศ แอทเวิร์ค ร่มเกล้า (@Work Romklao)  8. เดอะโมส คอนโดมิเนียม รัตนาธิเบศร์ (The Most Condominium Rattanathibet)  และ 9. คอนโดมิเนียม สุขุมวิท 23 (Condominium Sukhumvit 23)

ศรศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในย่านกรุงเทพกรีฑาเป็นหลัก เนื่องจากเป็นทำเลของที่อยู่อาศัยในระดับบนที่มีการเติบโตอย่างสูง เปรียบเสมือน ‘เบเวอร์ลี ฮิลล์ ของกรุงเทพ’ ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพของการอยู่อาศัย สามารถเชื่อมต่อกับถนนหลักเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในได้หลายเส้นทาง เช่น ใช้เส้นทางทางด่วนถนนพระราม 9 สำหรับการเข้าถึงโครงข่ายระบบรางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และแอร์พอร์ตลิงค์

รวมถึงยังมีโครงข่ายถนนวงแหวนรอบนอกและมอเตอร์เวย์ ใช้เดินทางไปยังโซนอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และยังอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจในทุกด้านและลงทุนซื้อที่ดินใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รองรับตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนที่ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพในการเติบโตหลังวิกฤตโควิด โดยมีที่ดินอยู่ในบริเวณกรุงเทพกรีฑากว่า 200 ไร่ ในโครงการเนอวานา ทาว์นชิพ (Nirvana Township) ประกอบไปด้วย โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตราลักชัวรี โครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ และ พรีเมี่ยมโฮมออฟฟิต

พร้อมสร้างไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่มีทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าระดับไฮเอนด์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บริเวณด้านหน้าโครงการ ให้เป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโครงการเนอวานา ทาว์นชิพแห่งนี้

ศรศักดิ์ กล่าวว่าบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวแบรนด์แคมเปญใหม่ ภายใต้ I FOUND MYSELF IN NIRVANA ซึ่งเป็นการสะท้อนจุดแข็งของแบรนด์ในด้านทำเลที่ตั้ง ที่ตั้งใจเลือกอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพนั้นนำมาซึ่งความสะดวกสบายในการเดินทาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยของบุตรหลาน ราคาที่ดินที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และสามารถเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเหมาะกับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ ประกอบกับการดีไซน์ที่เน้น คอนเซ็ปต์ Modern Luxury การแบ่งสเปซที่ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัว สำหรับการใช้งาน และมีพื้นที่สำหรับการสร้างความสัมพันธ์กับสมาขิกในครอบครัว

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 2,569 ล้านบาท และยอดขายรวม 3,260 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนราว 87% ของยอดขายมาจากบ้านแนวราบ และ 13% มาจากคอนโดมิเนียม โดยเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ คือ เนอวานา แอปโซลูท บางนา (Nirvana Absolute Bang Na) และเนอวานา ดีฟายน์ เอกมัย-รามอินทรา (Nirvana Define Ekkamai-Ramintra) สามารถทำยอดขายรวมกันได้ 720 ล้านบาท ภายใน 2 สัปดาห์ 

จากการเปิดตัว 9 โครงการใหม่ในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวม 8,500 ล้านบาท มีอัตราเติบโตกว่า 160% และรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ 4,500 ล้านบาท เติบโต 75% จากปีก่อน