ไร้ปาฏิหาริย์ ทีมค้นหาพบซากเรือดำน้ำไททันกระจัดกระจายใกล้เรือไททานิค คาดถูกแรงดันใต้ท้องทะเลบีบอัดจนแหลก เสียชีวิตทั้ง 5 คน
เหตุการณ์เรือดำน้ำไททัน ที่พา 5 นักเดินทางซึ่งเป็นมหาเศรษฐีดำดิ่งลงไปทัวร์ซากเรือไททานิค ที่จมอยู่ใต้ก้นมหาสมุทรความลึกเกือบ 5 กิโลเมตร จนสูญหายไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมาได้ หน่วยยามฝั่งที่ทำการค้นหาเรือดำน้ำดังกล่าว ได้พบเศษซากของเรือไททันกระจัดกระจายห่างจากซากเรือไททานิคราว 1,600 เมตร คาดว่าแรงดันของมวลน้ำได้บีบอัดเรือดำน้ำดังกล่าวจนแหลก ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้ง 5 คนเสียชีวิต
จากสเปคของเรือดำน้ำดังกล่าวระบุว่า สามารถดำลงได้ความลึกสูงสุดราว 4,000 เมตร ขณะที่ซากเรือไททานิคจมอยู่ก้นทะเลที่ความลึกราว 3,600 เมตร การพบเศษซากดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ยานสำรวจใต้น้ำควบคุมระยะไกล (ROV) กระทั่งพบเศษซากดังกล่าว
พลเรือตรีจอห์น มอเกอร์ แห่งหน่วยยามฝั่งสหรัฐแถลงว่า "เจ้าหน้าที่ USCG ได้พบเศษซากเรือไททันในระหว่างการค้นหา ซึ่งสาเหตุของหายนะครั้งนี้เกิดจากแรงดันของมวลน้ำที่บีบอัดเรือจนแหลก โดยปฏิบัติการค้นหาซึ่งมีความซับซ้อนสูงจากความร่วมมือของทีมค้นหาทั้งสหรัฐ แคนาดา และฝรั่งเศส เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อบรรดาญาติมิตรและผู้เป็นที่รักของผู้โดยสารในเรือไททัน"
สำหรับผู้โดยสารทั้ง 5 บนเรือดำน้ำไททัน ประกอบด้วย ฮามิช ฮาร์ดิง (Hamish Harding) นักผจญภัยชาวอังกฤษวัย 58 ปีที่เคยมีประสบการณ์เดินทางไปอวกาศและขั้วโลกใต้หลายครั้ง, ชาซาดา ดาวู้ด (Shahzada Dawood) นักธุรกิจชาวอังกฤษวัย 48 ปี หนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของปากีสถานและเป็นผู้สนับสนุนมูลนิธิ 2 แห่งของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ
ซูเลมาน ดาวู้ด (Suleman Dawood) บุตรชายวัย 19 ปีของนายชาซาดา ดาวู้ด, ปอล อองรี นาร์โฌเลต์ (Paul-Henry Nargeolet) อดีตนักดำน้ำกองทัพเรือฝรั่งเศสวัย 77 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สำรวจซากเรือไททานิก และเป็นหนึ่งในคณะสำรวจซากเรือไททานิกกลุ่มแรกในปี 2530 และ สต็อกตัน รัช (Stockton Rush) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโอเชียนเกตวัย 61 ปี
ทั้งนี้ ก่อนคณะเดินจะลงเรือดำน้ำ บริษัทโอเชี่ยนเกตได้มีการให้นักเดินทางทั้งหมด ลงนามในหนังสือเอกสารรับทราบที่ระบุว่า "โอเชียนเกตจะไม่รับผิดชอบ กรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต"