ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขาจัดให้เฟนทานิล (Fentanyl) เป็น'อาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง' (Weapon of Mass Destruction) ซึ่ง เฟนทานิลเป็นสารโอปิออยด์สังเคราะห์ที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก มีฤทธิ์รุนแรงกว่าเฮโรอีน 30-50 เท่า และรุนแรงกว่ามอร์ฟีน 100 เท่า ใช้เป็นหลักในการบรรเทาอาการปวด
คำกล่าวของทรัมป์ เป็นการเพิ่มความเข้มข้นในการรณรงค์ของรัฐบาลต่อต้านแก๊งค้ายาเสพติดในละตินอเมริกา เพราะเฟนทานิลถูกใช้เป็นสารเสพติดในสหรัฐฯ โดยสามารถซื้อหาได้ง่าย และเฟนทานิลเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการระบาดของการเสียชีวิตจากการใช้ยาโอปิออยด์สังเคราะห์เกินขนาดในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2021 จำนวนผู้เสียชีวิตจากยาโอปิออยด์ที่ต้องสั่งโดยแพทย์ (โอปิออยด์ธรรมชาติและกึ่งสังเคราะห์ และเมทาโดน) ต่อปีคงที่ ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาโอปิออยด์สังเคราะห์ (ส่วนใหญ่คือเฟนทานิล) ต่อปีเพิ่มขึ้นจาก 2,600 ราย เป็น 70,601 ราย
"ไม่มีระเบิดใดทำได้เช่นนี้ -- มีคนเสียชีวิต 200,000-300,000 คนต่อปี เท่าที่เราทราบ" ทรัมป์กล่าวในการลงนามคำสั่งบริหารที่จัดให้เฟนทานิลอยู่ในประเภทเดียวกับอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธเคมี
ทั้งนี้ อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (Weapon of Mass Destruction, ย่อ WMD) คืออาวุธที่สามารถสังหารมนุษย์, สัตว์หรือพืชในจำนวนมาก และอาจทำลายสภาพแวดล้อมของโลกอย่างมหาศาล ซึ่งจำแนกได้เป็นอาวุธหลายประเภทด้วยกันได้แก่ อาวุธปรมาณู, อาวุธชีวภาพ และอาวุธเคมี เป็นต้น
แต่ตรงกันข้ามกับคำกล่าวอ้างของทรัมป์เกี่ยวกับการเสียชีวิตจากเฟนทานิล ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดประมาณ 80,000 รายในประเทศในปี 2024 โดยประมาณ 48,000 รายเกิดจากยาโอปิออยด์สังเคราะห์
คำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์ระบุว่า "ยาเฟนทานิลผิดกฎหมายนั้นใกล้เคียงกับอาวุธเคมีมากกว่ายาเสพติด" และการผลิตและการจำหน่าย "คุกคามความมั่นคงของชาติและเป็นต้นเหตุของความไร้ระเบียบในซีกโลกของเราและตามชายแดน"
การจัดประเภทเฟนทานิลนี้เชื่อมโยงกับสงครามของรัฐบาลทรัมป์ต่อ "ผู้ก่อการร้ายยาเสพติด" ซึ่งรวมถึงปฏิบัติการทางทหารที่มุ่งเป้าไปที่เรือลักลอบขนยาเสพติด โดยการโจมตีเหล่านั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 90 คนตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน
แต่ในขณะที่ทรัมป์อ้างว่าเรือแต่ละลำที่ถูกทำลาย (มีมากกว่า 20 ลำ) ช่วยชีวิตชาวอเมริกันได้ 25,000 คน เรือเหล่านั้นเชื่อว่ากำลังขนส่งโคเคนมากกว่าเฟนทานิลซึ่งอันตรายกว่ามาก และส่วนใหญ่ลักลอบนำเข้าสหรัฐฯ จากเม็กซิโกมากกว่าจากโคลอมเบียหรือเวเนซุเอลา
ทรัมป์ได้ส่งกำลังทหารจำนวนมหาศาลไปยังทะเลแคริบเบียนเพื่อสนับสนุนการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเรือรบอื่นๆ อีกมากมาย ขณะเดียวกัน เครื่องบินรบของสหรัฐฯ หลายลำได้บินลาดตระเวนตามแนวชายฝั่งของเวเนซุเอลาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในขณะที่ทรัมป์และคณะบริหารของเขากล่าวว่าเป้าหมายของการเสริมกำลังทหารคือการปราบปรามการค้ายาเสพติด นิโคลัส มาดูโร ผู้นำฝ่ายซ้ายของเวเนซุเอลา กล่าวหาว่าวอชิงตันใช้การลักลอบค้ายาเสพติดเป็นข้ออ้างในการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในกรุงการากัส
สหรัฐฯ พยายามเชื่อมโยงสองประเด็นนี้เข้าด้วยกัน โดยกล่าวหาว่ามาดูโรเป็นผู้นำ "กลุ่มคาร์เทลแห่งดวงอาทิตย์" ซึ่งสหรัฐฯ ประกาศให้เป็นองค์กร "ก่อการร้ายยาเสพติด" เมื่อเดือนที่แล้ว และเสนอเงินรางวัล 50 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลที่นำไปสู่การจับกุมตัวเขา
รายงานโดยรายงานข่าวจาก AFP เรียบเรียงโดยและทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ชู "กฎหมายยุติการค้าเฟนทานิลที่เป็นอันตรายถึงชีวิต" ซึ่งเพิ่มโทษจำคุกสำหรับผู้ค้าเฟนทานิล หลังจากลงนามในห้องอีสต์รูมของทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2025 (Photo by ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP)