เวเนซุเอลาจะรอดพ้นจากการที่สหรัฐฯ เล็งเป้าหมายไปที่เรือบรรทุกน้ำมันของตนได้หรือไม่?
เวเนซุเอลาหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของสหรัฐฯ มานานหลายปีแล้ว โดยขายน้ำมันดิบในราคาลดพิเศษส่วนใหญ่ให้กับจีน แต่แม้แต่รายได้ที่จำกัดนี้ก็กำลังตกอยู่ในอันตรายหลังจากที่สหรัฐฯ เพ่ิงจะยึดเรือบรรทุกน้ำมันที่กำลังมุ่งหน้าไปยังคิวบา
ในคราวเดียว เวเนซุเอลาสูญเสียน้ำมันไป 1.9 ล้านบาร์เรล ตามคำกล่าวของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา (ที่ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ เช่นกัน) และ มาดูโร ยังประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็น "การปล้นทางทะเล" แต่จากข้อมูลของแพลตฟอร์มติดตามเรือ MarineTraffic พบว่าจำนวนน้ำมันที่สูญเสียไปนั้นใกล้เคียงกับ 1.1 ล้านบาร์เรลมากกว่า
มูลค่าโดยประมาณของน้ำมันที่ถูกยึด ซึ่งสหรัฐฯ ระบุว่าจะเก็บไว้เองนั้น อยู่ระหว่าง 50 ล้านถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เรือบรรทุกน้ำมันของเวเนซุเอลาที่เรียกว่า "เรือผี" (เพราะพยายามทำตัวให้ล่องหน เพื่อเลี่ยงการไล่ล่าของสหรัฐฯ) ยังคงไม่ถูกแตะต้อง แม้ว่าจะมีกองกำลังทางเรือของสหรัฐฯ จำนวนมากอยู่ในทะเลแคริบเบียนตั้งแต่เดือนกันยายน
ในวันพฤหัสบดี กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัท 6 แห่งที่ระบุว่าขนส่งน้ำมันของประเทศในอเมริกาใต้แห่งนี้ และระบุเรือ 6 ลำว่าเป็น "ทรัพย์สินที่ถูกอายัด"
ฟรานซิสโก โมนาลดี จากสถา Baker Institute ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในฮิวสตัน กล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่า การกระทำดังกล่าว "จะทำให้กองเรือที่ดำเนินการในตลาดมืดกลัวที่จะเข้ามาในเวเนซุเอลา ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงและส่วนลด... (สำหรับผู้ซื้อ) ซึ่งจะสูงมาก"
มาดูโรอ้างว่า การส่งกำลังทหารของสหรัฐฯ จำนวนมากเข้ามาในระยะโจมตีประเทศของเขา เป็นส่วนหนึ่งของแผนการโค่นล้มเขาและ "ขโมย" น้ำมันจำนวนมหาศาลของเวเนซุเอลาภายใต้ข้ออ้างของการปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด
การโจมตีเรือขนส่งสินค้าที่มีค่าที่สุดเพียงอย่างเดียวของเวเนซุเอลา อาจเป็นอันตรายต่ออนาคตทางการเมืองของมาดูโรอย่างแท้จริง
“หากไม่มีการส่งออกน้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การนำเข้าของประเทศ... อาจเกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้” เอเลียส เฟอร์เรอร์ จากบริษัทวิจัยโอริโนโก บริษัทที่ปรึกษาของเวเนซุเอลา กล่าวกับเอเอฟพี
“ไม่เพียงแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขาดแคลนอาหารและยาด้วย เพราะเราจะไม่สามารถนำเข้าได้”
น้ำมันเวเนฯ ในตลาดมืด
เวเนซุเอลามีปริมาณสำรองน้ำมันประมาณ 303,000 ล้านบาร์เรล ตามข้อมูลขององค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ซึ่งมากกว่าประเทศใดๆ ในโลก
แต่การบริหารจัดการที่ผิดพลาดและการทุจริตที่เกิดขึ้นมาหลายปี ทำให้การผลิตน้ำมันลดลงจากจุดสูงสุดที่มากกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เหลือเพียง 350,000 bpd ในปี 2020 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
แม้จะกลับมาอยู่ในเส้นทางที่จะผลิตได้ถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มการผลิตให้มากกว่านั้น เนื่องจากขาดแคลนเงินตราต่างประเทศที่จำเป็นสำหรับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
รัฐบาลเวเนซุเอลาต้องดิ้นรนภายใต้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการห้ามนำเข้าน้ำมันจากสหรัฐฯ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2019 และเข้มงวดมากขึ้นในปี 2025
รัฐบาลจึงปรับตัวโดยใช้กองเรือบรรทุกน้ำมัน หรือ "เรือผี" ที่แล่นภายใต้ธงประกาศสัญชาติปลอม ประกาศเส้นทางปลอม หรือปิดเครื่องส่งสัญญาณเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
นับตั้งแต่ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีส่งออก 25% กับประเทศใดก็ตามที่ซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา ประเทศนี้จึงต้องลดราคาน้ำมันในตลาดมืดลงมากถึง 20%
นอกจากนี้ บริษัท Chevron ซึ่งดำเนินงานภายใต้ใบอนุญาตพิเศษและมีส่วนแบ่งการผลิตในเวเนซุเอลาประมาณ 10% ไม่ได้รับอนุญาตให้โอนเงินให้กับรัฐอีกต่อไป ดังนั้นจึงต้องจ่ายภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ เป็นน้ำมันดิบ
ความช่วยเหลือกำลังมา?
มีการประมาณการว่าจีนซื้อผลผลิตของเวเนซุเอลาถึง 80%
เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร ลูกค้าจึงชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงเหรียญ Stablecoin ที่ผูกกับสินทรัพย์ โดยส่วนใหญ่คือ USDT
เรื่องนี้ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเงินดอลลาร์ในระบบเศรษฐกิจของเวเนซุเอลาที่ใช้เงินดอลลาร์เป็นส่วนหนึ่ง และช่องว่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการกับอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดมืดนั้นกว้างมาก
การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการกลับไปสู่ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในประเทศที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาถึงล้านเปอร์เซ็นต์ในปี 2018 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของช่วงเงินเฟ้อรุนแรงสี่ปีที่ผลักดันให้ผู้คนหลายล้านคนอพยพออกนอกประเทศ
“ตอนนี้เราจะได้เห็นกันว่าประเทศต่างๆ เช่น จีน อิหร่าน และรัสเซีย จะเต็มใจเสี่ยงเพื่อสนับสนุนเวเนซุเอลามากน้อยแค่ไหน” เฟอร์เรอร์กล่าว
เรือบรรทุกน้ำมัน The Skipper ที่กองกำลังสหรัฐฯ ยึดได้ในสัปดาห์นี้ ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรในปี 2022 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่านและกลุ่มฮิซบอลลาห์ ตามข้อมูลของ MarineTraffic
อิหร่านเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของเวเนซุเอลา ร่วมกับรัสเซีย ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ยืนยันการสนับสนุนมาดูโรอีกครั้งในสัปดาห์นี้ แต่กำลังติดพันกับสงครามที่ยืดเยื้อในยูเครน
เฟอร์เรอร์ชี้ให้เห็นว่า มาดูโรได้รอดพ้นจากการคว่ำบาตรและแรงกดดันทางการเมืองจากสหรัฐฯ มาหลายปีแล้ว แม้ในช่วงเวลาที่ “การผลิตน้ำมันอยู่ที่ 300,000 บาร์เรล และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่หนึ่งล้านเปอร์เซ็นต์”
Agence France-Presse
Photo by ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP