การประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ COP30 ได้สิ้นสุดลงหลังจากสองสัปดาห์ที่เมืองเบเลง ในเขตอเมซอน ประเทศบราซิล เป็นการประชุมที่เต็มไปด้วยการประท้วง การเดินขบวนบนท้องถนน และแม้แต่เหตุเพลิงไหม้ ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันต่างๆ นานา
แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้นภายใต้ที่ประชุมซึ่งเป็นเต็นท์ขนาดมหึมาตั้งตระหง่านเหนือสนามบินเก่าที่ขอบป่าฝน เพราะประเทศต่างๆ ไดด้ร่วมกันตัดสินใจเกี่ยวกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ต่อไปนี้คือผลลัพธ์หลักจากการเจรจา และพันธสัญญาโดยสมัครใจ ซึ่งได้เกิดขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอดซึ่งมีประเทศเข้าร่วมเกือบ 200 ประเทศ ดังนี้
ว่าด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิล
"เชื้อเพลิงฟอสซิล" เป็นประเด็นที่ยากที่สุดในการจะรวมเข้าเป็นข้อตกลง"mutirao" (ซึ่งเป็นคำขวัญของการประชุม ซึ่งมาจากภาษาตูปี-กวารานี ภาษาท้องถิ่นในเขตอเมซอน) ที่แปลว่า "ความพยายามร่วมกัน"
ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงข้อริเริ่มให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกันโดยสมัครใจเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และมุ่งมั่นที่จะจำกัดภาวะโลกร้อนให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม
ยังระบุถึงพันธสัญญาที่ทุกประเทศให้ไว้ในการประชุม COP28 ณ เมืองดูไบ ที่จะ "เปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล" แต่วลีนี้ซึ่งกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง กลับไม่ได้ถูกกล่าวถึง
แม้จะมีแรงกดดันจากกว่า 80 ประเทศ ตั้งแต่ยุโรป ละตินอเมริกา ไปจนถึงแปซิฟิก แต่การประชุมกลับไม่ได้นำ "แผนงาน" มาใช้ในการยกเลิกเชื้อเพลิงฟอสซิล
แต่ อันเดร คอเฮีย ดู ลากู (Andre Correa do Lago) ประธาน COP30 กลับเสนอแผนงานหนึ่งสำหรับประเทศที่ยินดีเข้าร่วมโดยสมัครใจ และอีกแผนงานหนึ่งเพื่อหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า
ว่าด้วยการเงินและทุน
ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกบ่นกันมานานแล้วว่าพวกเขาขาดเงินทุนสำหรับ "การปรับตัว" ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของพวกเขาจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น เช่น การสร้างกำแพงกันคลื่น และผลกระทบอื่นๆ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แต่ในการประชุม COP30 ชัยชนะก็ตกเป็นของประเทศกำลังพัฒนาในที่สุด โดยข้อตกลงขั้นสุดท้าย "เรียกร้องให้มีความพยายามในการเพิ่มเงินทุนเพื่อการปรับตัวอย่างน้อยสามเท่าภายในปี 2035"
ในปี 2024 ประเทศร่ำรวยตกลงที่จะจัดสรรเงินทุนสนับสนุนสภาพภูมิอากาศมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2035 ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา โดยไม่มีการกำหนดจำนวนเงินที่แน่นอนสำหรับการปรับตัว
เงินส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในโครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น พลังงานหมุนเวียน ไม่ใช่โครงการเพื่อการปรับตัว ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาได้ร้องเรียนมานานแล้วว่าทำให้พวกเขาเสียเปรียบ
เป้าหมาย "เพิ่มเป็นสามเท่า" ที่ตกลงกันในเบเลม อาจหมายถึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์จาก 3 แสนล้านดอลลาร์ที่จัดสรรไว้สำหรับการปรับตัว แต่ผู้สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดกล่าวว่ายังคงต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายดังกล่าว
ว่าด้วยการค้าและสิ่งแวดล้อม
เป็นครั้งแรกที่การค้าถูกรวมไว้เป็นเสาหลักของข้อความฉบับสุดท้าย โดยมีการเจรจาเป็นเวลาสามปีภายใต้กรอบสภาพภูมิอากาศ
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลจากประเทศต่างๆ รวมถึงจีนว่ามาตรการทางการค้า เช่น ภาษีสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนสูง อาจส่งผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออก หรือสร้างอุปสรรคต่อการขายเทคโนโลยีสีเขียว
ว่าด้วยสภาพป่าไม้
ในการประชุม COP30 บราซิลได้เปิดตัวกลไกการลงทุนระดับโลกใหม่ โดยเสนอให้จ่ายเงินส่วนแบ่งกำไรให้แก่ประเทศที่อุดมไปด้วยป่าไม้สำหรับต้นไม้ทุกเฮกตาร์ที่ยังคงยืนต้นอยู่
ประธานาธิบดีลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล ประกาศเปิดตัวโครงการ Tropical Forests Forever Facility ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำที่เมืองเบเลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่ COP30 จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเสียอีก
โครงการนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากนอร์เวย์ เยอรมนี อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส และบราซิล เป็นมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ท้ายที่สุดแล้ว บราซิลกำลังพยายามระดมทุนจากภาครัฐและเอกชน 1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กล่าวว่ากองทุนนี้สามารถเริ่มดำเนินการได้ แม้จะยังไม่มีเงินทุนเริ่มต้นจากรัฐบาลถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
คำมั่นสัญญาเรื่องมีเทน
การลดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอันดับสองที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รองจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถือเป็นวิธีที่เร็วที่สุดวิธีหนึ่งในการลดภาวะโลกร้อน
แม้ว่าจะคงอยู่ในชั้นบรรยากาศนานประมาณ 12 ปี แต่ "สารมลพิษขั้นรุนแรง" ชนิดนี้กลับมีศักยภาพสูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 80 เท่าในช่วงเวลา 20 ปี
ในการประชุม COP30 ประเทศ 7 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส แคนาดา เยอรมนี นอร์เวย์ ญี่ปุ่น และคาซัคสถาน ได้ลงนามในแถลงการณ์ที่ให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซมีเทน "เกือบเป็นศูนย์" ในภาคเชื้อเพลิงฟอสซิล
Agence France-Presse
Photo - ชาวมุนดูรูกุพื้นเมืองของขบวนการอิเปเรก อายู ยืนอยู่ด้านนอกสถานที่จัดการประชุม COP30 ระหว่างการประท้วงในเมืองเบเลง ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 (ภาพโดย Pablo PORCIUNCULA / AFP)