นักวิเคราะห์เขมรเล่นลิ้น "กัมพูชาต่างหากที่เป็นเหยื่อเครือข่ายการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงในประเทศไทย"

นักวิเคราะห์เขมรเล่นลิ้น

ทง เมงฏาวิต (ថុង ម៉េងដាវិត) นักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศชาวกัมพูชา เพิ่งจะแสดงความเห็นผ่านกัมปูเจีย ทเมย สื่อของกัมพูชาโดยชี้ว่า"กัมพูชาต่างหากที่ตกเป็นประเทศที่ตกเป็นเหยื่อของเครือข่ายการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงในประเทศไทย" ซึ่งเป็นความเห็นตรงกันข้ามกับการรายงานขององค์กรระหว่างประเทศและสื่อต่างประเทศ ที่ชี้ว่ากัมพูชาคือผู้ประกอบการงเครือข่ายการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงรายใหญ่ของโลก โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงกัมพูชาให้การสนับสนุนและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์

การแสดงความเห็นของ ทง เมงฏาวิต มีขึ้นหลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเผยรายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2025 และยังชี้ว่ากัมพูชายังอยู่ในระดับที่เลวร้าย เพราะความเกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่คอยปกป้องธุรกิจค้ามนุาย์และฉ้อโกง นอกจากนี้ ก่อนหน้านนั้น กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตรผู้ประกอบการฉ้อโกงออนไลน์กัมพูชา โดยระบุว่าการฉ้อโกงออนไลน์ดังกล่าวได้ขโมยเงินจากชาวอเมริกันไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

แต่แม้จะมีหลักฐานและการตัดสินใจคว่ำบาตรโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ขนาดนี้แล้ว ทง เมงฏาวิต ยังอ้างว่า "เครือข่ายอาชญากรได้ค้ามนุษย์หลายแสนคนเข้าสู่เว็บไซต์ฉ้อโกงหลายร้อยแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งเหยื่อถูกบังคับให้เป็นหนี้และตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงออนไลน์ ส่งผลให้วิกฤตการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงในกัมพูชาส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรที่ดำเนินการผ่านประเทศไทย"

ทง เมงฏาวิต พยายามที่จะอธิบายสถานการณ์แบบ "หน้ามือเป็นหลังมือ" ด้วยการโยนความผิดให้กับไทยโดยเขาอ้างว่า "จากการสืบสวนและการบังคับใช้กฎหมายพบว่าผู้ค้ามนุษย์ใช้ประโยชน์จากพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาและไทย-กัมพูชาเป็นเส้นทางผ่าน ศูนย์อาชญากรรมและสถานที่ต่างๆ ในฝั่งไทยหรือตามแนวชายแดนเมียนมาสามารถเข้าถึงได้ผ่านเส้นทางผ่านประเทศไทย สำนักข่าวรอยเตอร์และสื่อต่างประเทศอื่นๆ รายงานว่าเหยื่อ “ได้รับบาดเจ็บ” ระหว่างทางไปยังศูนย์ค้ามนุษย์หลังจากข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทย"

หลังจากที่พลิกลิ้นเพื่ออ้างว่าไทยเป็นคนผิดแล้ว นักวิเคราะห์ชาวเขมรรายนี้ยังเอาความดีเข้าตัวโดยอ้างว่า "ต้นปี พ.ศ. 2568 กัมพูชาได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการระดับสูงเพื่อปราบปรามการฉ้อโกงทางออนไลน์ และได้ดำเนินการปราบปรามครั้งใหญ่กับสถานที่ฉ้อโกงจำนวนมากในอาคารที่ชาวต่างชาติเช่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายค้ามนุษย์ การบุกตรวจค้นดังกล่าวนำไปสู่การจับกุมและส่งตัวชาวต่างชาติหลายพันคนที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมในเมียนมา ไทย และกัมพูชา รายงานของเอพีระบุว่า การปราบปรามการค้ามนุษย์ของกัมพูชาได้เน้นย้ำถึงวิธีการที่อุตสาหกรรมฉ้อโกงได้ใช้แรงงานข้ามพรมแดนและการขนส่งทางอาญาในภูมิภาคจากประเทศไทย"

เขายังอ้างว่า "สิ่งเหล่านี้เป็นอาชญากรรมข้ามชาติและไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง แต่เกิดจากผู้ช่วยเหลือตามแนวชายแดนและเจ้าหน้าที่ด่านตรวจที่ทุจริต การติดตามตรวจสอบของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายหลายประเทศรายงานว่าแรงงานข้ามชาติหรือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับรู้หรือเพิกเฉยต่อสถานที่ปฏิบัติการของกลุ่มค้ามนุษย์ที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย แม้ว่าทางการไทยจะปฏิเสธ แต่หลักฐานจากการสืบสวนและการจับกุมที่ยังคงดำเนินอยู่ชี้ให้เห็นว่าดินแดนและสถาบันของไทยถูกใช้อย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้"

ทั้งนี้ แม้ว่าการค้ามนุษย์จะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของไทยก็จริง แต่ปลายทางการค้าค้ามนุษย์และทำธุรกิจฉ้อโกง คือ กัมพูชา หากไม่มี "อุปสงค์" จากกัมพูชา ก็จะไม่มี "อุปทาน"จากภายนอกซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน การใช้ตรรกะของ ทง เมงฏาวิต จึงเป็ยสิ่งที่ผิดเพี้ยน เพราะการอ้างว่า "กัมพูชาต่างหากที่เป็นเหยื่อเครือข่ายการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงในประเทศไทย" เป็นการอ้างโยนปัดสวะออกจากตัวเอง ทั้งๆ ที่กัมพูชาคือปลายทางของทุกความชัวร้ายของธุรกิจมืดเหล่านั้น 

ที่สำคัญก็คือ การอ้างว่าทางการกัมพูชาทำการกวาดล้างธุรกิจมืดเหล่านี้ เป็นเพียงการทำโดยฉากหน้า ไม่ได้มีการกวาดล้างรากเหง้าอันชั่วร้าย ดังที่รัฐบาลต่างๆ และสื่อต่างประเทศได้ชี้ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง 

ทัศนะของ ทง เมงฏาวิต จึงเป็นการบิดเบือนความจริงที่ประเทศของเขาคือผู้รับผิดชอบการฉ้อโกงของผู้คนทั่วโลก แล้วโยนความผิดนั้นมาที่ไทยซึ่งเป็นเพียง "ช่องทางลักลอบตอนกลาง" โดยคนชั่วไม่กี่คนเท่านั้น หากไทยเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้จริง รัฐบาลสหรัฐฯ ก็คงจะคว่ำบาตรไทยและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทย ไม่ใช่มุ่งเป้าที่กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ผู้สนับสนุนชาวกัมพูชาถือป้ายประท้วงในการชุมนุมที่ใจกลางเมืองเมลเบิร์น (ภาพโดย William WEST / AFP)
 

TAGS: #กัมพูชา