ในเวลานี้สำนักข่าว BBC กำลังถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงจากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่รักประเทศไทย หลังจากปล่อยตัวอย่างสารคดีเรื่อง 'Thailand: The Dark Side of Paradise' (ประเทศไทย ด้านมืดของสรวงวงรรค์) ซึ่งแม้แต่สื่อในอังกฤษเองก็รายงานว่าผู้ดำเนินรายงานสารคดีนี้ คือ ซารา แมคเดอร์มอตต์ (Zara McDermott) ก็กำลังถูกโจมตีอย่างหนัก

ซารา แมคเดอร์มอตต์ เป็นอดีตดาราของรายการแข่งขันเต้นรำที่ชื่อ Strictly Come Dancing วัย 28 ปี โดยเธอและทีมงาน BBC พยายามจะ "เปิดเผยด้านมืด" ของการท่องเที่ยวในประเทศไทย 

อย่างไรก็ตาม แม้แต่สื่อในอังกฤษ เช่น ก็ยังชี้ว่า "ผู้ชมสารคดีของ BBC ออกมาโต้กลับอย่างแข็งขัน โดยอ้างว่าพิธีกรรายการโทรทัศน์รายนี้ไม่สามารถแสดงมุมมองที่สมดุลเกี่ยวกับประเทศไทยได้" โดย  Mirror อ้างความเห็นหนึ่งว่า "ในฐานะที่เป็นอาศัยและทำงานในประเทศไทยมาโดยตลอด ฉันจึงกล้าพูดได้อย่างมั่นใจว่านี่เป็นการพรรณนาถึงประเทศที่สวยงามและผู้คนใจดีและเป็นมิตรอย่างไม่ยุติธรรมและบิดเบือน" และความคิดเห็นนี้ได้รับความชื่นชอบจากหลายๆ คน

อีกคนเขียนว่า "ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก ควรได้รับการรายงานข่าวที่มีความรับผิดชอบและสมดุลมากกว่านี้" บุคคลที่สามกล่าวว่า "สารคดีเกี่ยวกับประเทศไทยของเธอรู้สึกว่าถูกนำเสนอได้ไม่ดีนัก ในฐานะผู้ชมชาวเอเชีย ฉันรู้สึกขยะแขยงกับการมีอคติและให้ภาพที่เหมือนจะดีแต่ไม่ดีของสารคดีนี้"

ในช่อง TikTok ต่างๆ ของชาวต่างชาติที่เคยมาเที่ยวไทยหืออาศัยอยู่ในไทน ก็มีการโจมตีสารคดีเรื่องนี้อย่างหนัก เช่นในช่องหนึ่งมีความเห็นบอกว่า "ในฐานะชาวนอร์เวย์ที่มาเมืองไทยหลายครั้ง และครอบครัวของฉันก็มาที่ไทยหลายครั้งเช่นกัน แม้แต่ญาติของฉันก็มา เพื่อนสนิทก็มา และเพื่อนร่วมงานก็มาไทยหลายครั้ง ไม่ว่า BBC จะใส่ร้ายป้ายสีประเทศไทยอย่างไร ฉันก็ยังอยากจะกลับไปและเที่ยวเมืองไทยอีกครั้งเหมือนเดิมที่เคยทำมา และเพื่อนร่วมงานของฉันมากกว่าครึ่งหนึ่งเคยมาเมืองไทยแลว และอย่างน้อยหนึ่งครึ่งพวกเขาพูดเหมือนกันว่าพวกเขาอยากจะกลับไปเที่ยวไทยอีกครั้งและพาคนอื่นตามไปด้วย "ในประเทศไทยฉันสามารถเดินไปไหนต่อไหนโดยถือโทรศัพท์ไปด้วยโดยไม่ต้องกังวลใจ แต่ในยุโรปฉันไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น ในแค่ที่ปารีสแห่งเดียว ฉันเห็นสองกรณีที่มีการวิ่งราวโทรศัพท์ในสัปดาเดียว ฉันรู้สึกว่าเองใหญ่ๆ ในยุโรปไม้ปลอดภัยเหมือนแต่ก่อนแล้ว  โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยว" 

ทั้งนี้ BBC มักถูกกล่าวหาว่านำเสนอเนื้อหาอย่างมีอคติ ทั้งอคติทางเชื้อชาติ ภูมิภาค และแนวคิดทางการเมือง โดยเฉพาะอคติที่มีต่อประเทศในเอเชีย 

เช่น ในปี 2020 บทความในวารสาร Theory and Practice in Language Studies ระบุรายละเอียดว่าสารคดีของ BBC หลายเรื่องเกี่ยวกับจีนใช้ภาษาเชิงลบเป็นส่วนใหญ่เพื่ออธิบายวัฒนธรรมจีน ซึ่งมักถูกนำเสนออย่างเรียบง่ายและผิวเผิน พบว่าสารคดีเหล่านี้ทำให้เกิดภาพเหมารวมเกี่ยวกับจีน

ผู้สื่อข่าวที่ชื่อ คริสโตเฟอร์ บุคเกอร์ (Christopher Booker) ได้วิพากษ์วิจารณ์บีบีซีในการรายงานข่าวเกี่ยวกับอินเดีย เขาสรุปว่าความพยายามของในการเสริมสร้างภาพลักษณ์แบบเหมารวมของชาวเอเชียใต้เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ภาพลักษณ์ของอินเดียเสียหายและส่งเสริมให้เกิดเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติต่อชาวอินเดีย  

ในปี 2011 สมาคมผู้ประกอบการเคเบิลแห่งปากีสถาน (COAP) กล่าวหา BBC World News ว่าเป็น "การโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านปากีสถาน" และสั่งห้ามออกอากาศ ต่อมา รายงานของ BBC ในปี 2019 กล่าวหาว่ากองทัพปากีสถานละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างสงครามต่อต้านการก่อการร้ายของปากีสถานในจังหวัดไคเบอร์ปัคตุนควา กองทัพปากีสถานปฏิเสธรายงานดังกล่าว และกระทรวงสารสนเทศปากีสถานได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานสื่อสารของอังกฤษ 
 
หนึ่งในองค์กรตัวแทนชาวมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรกล่าวหา BBC ว่า "ล้มเหลวในการรายงานอย่างเพียงพอ" เกี่ยวกับความเกลียดกลัวอิสลามภายในพรรคอนุรักษ์นิยม คำร้องเรียนนี้ส่งถึงโทนี ฮอลล์ ผู้อำนวยการใหญ่ของ BBC ในจดหมายจากสภามุสลิมแห่งสหราชอาณาจักร คณะกรรมการมุสลิมแห่งสหราชอาณาจักร (MCB) ย้ำเตือนฮอลล์ถึงความรับผิดชอบของ BBC ในฐานะผู้แพร่ภาพกระจายเสียงสาธารณะที่จะต้องเป็นกลางและไม่สร้างลำดับชั้นของการเหยียดเชื้อชาติผ่านการรายงานข่าวที่ลำเอียง โดยกล่าวว่า "การเหยียดเชื้อชาติต่อชาวมุสลิมควรมีความสำคัญเท่าเทียมกับการเหยียดเชื้อชาติต่อผู้อื่น"

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - BBC