พลเอก ฮิง บุนเฮียง (เกิด พ.ศ. 2500) เป็นนายพลชาวกัมพูชาและเป็นผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน หรือ BHQ ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 โดยมียศอันยาวเหยียดว่า "นายอุตตมเสนีกิตติสังคหะบัณฑิต"
ปัจจุบัน ฮิง บุนเฮียง คือผู้บัญชาการ "กองบัญชาการองครักษ์" หรือ "บัญชาการรัฏฐานังครักส์" ชื่อย่อว่า BHQ โดยฉากหน้า BHQ ตั้งขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชา นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และสถานที่ที่มีผลประโยชน์ของกัมพูชา โดยอยู่ภายใต้การสั่งการโดยตรงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันชาติ
แต่โดยฉากหลัง BHQ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นกองกำลังส่วนตัวของ ฮุน เซน เนื่องจากถูกก่อตั้งและคอยสนับสนุนทางการเมืองให้กับเขาตลอด โดยเสียงวิจารณ์ในกัมพูชาชี้ว่า ฮุน เซนได้จัดตั้ง BHQ ในฐานะเป็น "องครักษ์ส่วนตัวของฮุนเซน" ขึ้นที่ตูลกระสัง และได้เกณฑ์กองกำลังทหารระดับชาติหลายกอง เช่น กองพลที่ 70, 31 และ 911 กองกำลังเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงและให้บริการโดยตรงแก่ฮุน เซน ภรรยาของฮุน เซน และบุตรของฮุนเซน โดยมีกำลังพลหลายพันนาย พวกเขาถูกเรียกว่า “องครักษ์ส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน” และสาบานว่าจะปกป้องฮุนเซน ภรรยาฮุนเซน และลูกๆ ของฮุนเซน 100%
หน่วยนี้มักถูกมองว่ามีความภักดีต่อ ฮุน เซน อย่างแรงกล้า และมีบทบาทอย่างเห็นได้ชัดในการปราบปรามการประท้วงของฝ่ายค้าน สมาชิกหน่วยมักจะถูกส่งไปในเครื่องแบบหรือนอกเครื่องแบบเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเหตุการณ์ทางการเมืองกองบัญชาการองครักษ์ยังได้เข้าร่วมในการแสดงกำลังต่อสาธารณะ โดยมักจะนำยุทโธปกรณ์และทหารมาแสดงกำลังในพนมเปญเพื่อขัดขวางการประท้วงและส่งเสริมความแข็งแกร่งของรัฐบาล
ล่าสุดหน่วย BHQ ของบุนเฮียงเข้าร่วมในการรุกรานประเทศไทยในเดือนกรกฎาคมนี้ และมีรายงานว่าหน่วย BHQ อาจได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากการถูกทหารไทยโจมตี
ก่อนหน้าที่จะส่งกำลังมาทำร้ายประเทศไทย ฮิง บุนเฮียง คือผู้ที่วางแผนโจมตีด้วยระเบิดมือทำร้ายประชาชนชาวเขมรที่ทำการชุมนุมทางการเมืองในกรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2540 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 16 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 150 ราย และการโจมตีดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของเหตุวุ่นวายที่นำไปสู่การรัฐประหารในกัมพูชาในปี พ.ศ. 2540 ซึ่ง ฮุน เซน ยึดอำนาจจากนายกรัฐมนตรีร่วม คือ เจ้านโรม รณฤทธิ์ มาเป็นของตนเป็นคนเดียว
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2544 ศาลยุติธรรมแห่งกรุงปารีสได้ออกหมายจับ ฮิง บุนเฮียง ในข้อหาเข่นฆ่าประชาชนในครั้งนั้น และระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม พ.ศ. 2568 ศาลฝรั่งเศสได้พิจารณาคดีลับหลังต่อ ฮิง บุนเฮียง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารอีกหลายคน ในข้อหาวางแผนโจมตีด้วยระเบิดใส่กลุ่มผู้ประท้วงหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงพนมเปญ
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันก่อนที่ศาลฝรั่งเศสจะเปิดการพิจารณาคดี ฮิง บุนเฮียง ได้ยืนยันกับสื่อมวลชนต่างประเทศหลายสำนักว่าเขาไม่ทราบเรื่องคดีนี้และไม่มีเหตุผลที่จะต้องกังวล และอ้างว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับศาลฝรั่งเศส และไม่จำเป็นต้องส่งทนายความไปแก้ต่างคดีในศาลฝรั่งเศส
นอกจากจะถูกฟ้องโดยศาลฝรั่งเศสแล้ว ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ลงโทษฮิง บุนเฮียงในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของเขาในการโจมตีชาวกัมพูชาที่ไม่มีอาวุธหลายครั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540
กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตร ฮิง บุนฮียง โดยกล่าวไว้ในหมายประกาศว่า "บุน เฮียง เป็นผู้บัญชาการหน่วยคุ้มกันนายกรัฐมนตรี (PMBU) ของกัมพูชา ซึ่งเป็นหน่วยในกองทัพกัมพูชาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงต่อประชาชนชาวกัมพูชา หน่วยงาน PMBU มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีชาวกัมพูชาที่ไม่มีอาวุธหลายครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงในปี 2556 ที่วัดพนม และในปี 2558 ที่หน้ารัฐสภา ในเหตุการณ์ปี 2558 มีสมาชิก PMBU เพียงสามคนเท่านั้นที่ถูกส่งตัวเข้าคุกหลังจากที่พวกเขาสารภาพว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้าน และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเมื่อได้รับการปล่อยตัว บุนเฮียงและ PMBU มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ใช้กำลังทหารคุกคามการชุมนุมของผู้ประท้วงและฝ่ายค้านทางการเมืองมาอย่างน้อยก็ตั้งแต่ปี 2540 รวมถึงเหตุการณ์ที่พลเมืองสหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด"
และกำหนดโทษไว้ว่า "ผลจากการกระทำเหล่านี้ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ใดๆ ของบุคคลใดๆ ที่ถูกกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลของสหรัฐฯ ในปัจจุบันจะถูกอายัด นอกจากนี้ โดยทั่วไปแล้ว บุคคลสหรัฐฯ จะถูกห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมกับบุคคลที่ถูกบล็อก รวมถึงนิติบุคคลที่บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าของร้อยละ 50 ขึ้นไป"
นี่เป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างแข็งกร้าวต่อเจ้าหน้าที่ของระบอบฮุน เซน ซึ่งถูกประณามอย่างกว้างขวางจากประชาคมโลกในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกัดเซาะประชาธิปไตยนับตั้งแต่การยุบพรรค CNRP ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของกัมพูชา ขณะเดียวกันในเวลานั้นสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ก็เร่งผลักดันพระราชบัญญัติประชาธิปไตยกัมพูชา พ.ศ. 2561 (Cambodia Democracy Act of 2018) เพื่อกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อฮุนเซน ครอบครัวของเขา และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ในระบอบฮุน เซนในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม ในกัมพูชาไมได้แยแสแว่าคนๆ นี้จะมือเปื้อนเลือดแค่ไหน ถึงขนาดที่ว่าในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาสูงสุดของสมเด็จพระอัครมหาสังฆราชาธิบดี (เทพ วงศ์) สมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายมหานิกายแห่งกัมพูชา และสมเด็จพระอภิสิริสุคนธามหาสังฆราชาธิบดี (บัวร์ กรี) สมเด็จพระสังฆราชแห่งคณะธรรมยุติกนิกายของกัมพูชา
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - Ministry of Information (ក្រសួងព័ត៌មាន)