ขณะที่กัมพูชาพยายามล้างภาพลักษณ์ "แหล่งสแกมเมอร์" ด้วยการกวาดจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว แต่ในจีนก็ยังมีข่าวคนหนุ่มสาวที่ถูกล่อลวงให้มาทำงานที่กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่รัฐบาลกัมพูชากำลังพยายามกวาดล้างธุรกิจเหล่านั้น
สำนักข่าวจี๋มู่ (极目新闻) ของจีนรานงาเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณหลื่อ จากเมืองจิ้นจง มณฑลซานซี รายงานว่า เจี่ยจวิ้นปั๋ว ลูกชายวัย 17 ปีของเธอถูกหลอกและพาตัวไปยังกัมพูชา และไม่มีใครได้รับข่าวคราวอีกเลย
ตามบันทึกการสนทนาระหว่างเจี่ยจวิ้นปั๋วและเพื่อนๆ พบว่าเจี่ยจวิ้นปั๋วได้ส่งข้อความถึงเพื่อนของเขาเวลา 19:59 น. ของวันที่ 17 มิถุนายน โดยบอกว่าเขาจะไปเวียดนามเพื่อหาเงิน เวลา 5:40 น. ของวันที่ 18 มิถุนายน สถานที่ที่เจี่ยจวิ้นปั๋วส่งให้เพื่อนปรากฏว่าเขามาถึงเขตถานเหอ ประเทศเวียดนาม เวลา 0:19 น. ของวันที่ 19 มิถุนายน เจี่ยจวิ้นปั๋วได้ส่งข้อความถึงเพื่อนของเขาว่า "ถ้ากลับมาไม่ได้ อย่าลืมดูแลพ่อแม่ของฉันให้ดี" และยังบอกอีกว่า "ฉันเกือบตายเมื่อวานนี้" หลังจากนั้น เพื่อนก็ส่งข้อความถึงเจี่ยจวิ้นปั๋วอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งกับแม่ของเจี่ยจวิ้นปั๋ว ว่าตำแหน่งแบบเรียลไทม์ของโทรศัพท์ขอเจี่ยจวิ้นปั๋วปรากฏอยู่ในกัมพูชา และบุคคลที่เดินทางจากเมืองจิ้นจงไปกัมพูชาพร้อมกับเจี่ยจวิ้นปั๋วคือเสี่ยวตง เพื่อนร่วมชั้นมัธยมต้นของเขา
แม่ของเจี่ยจวิ้นปั๋วยังกล่าวอีกว่าเธอได้ทราบจากแฟนสาวของเสี่ยวตงว่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม มีบัญชี WeChat แปลก ๆ เพิ่ม WeChat ของแฟนสาวของเสี่ยวตง และทั้งคู่ก็โทรคุยกันทาง WeChat โดยที่เสียงของเสี่ยวตงดังมาจากปลายสาย เสี่ยวตงขอให้แฟนสาวของเขาหลอกคนจีนให้มากัมพูชาเพิ่มขึ้น และเขาสามารถขายได้คนละหนึ่งพันดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนที่ถูกหลอก
อย่างไรก็ตาม แฟนสาวของเสี่ยวตงเชื่อว่าเสี่ยวตงอาจถูกบังคับให้คุยกับเธอทาง WeChat นอกจากนี้ แม่ของเจี่ยจวิ้นปั๋วยังได้ให้บันทึกการสนทนาระหว่างแฟนสาวของเสี่ยวตงและบัญชี WeChat แปลก ๆ แก่ผู้สื่อข่าวด้วย บันทึกแสดงให้เห็นว่าเมื่อแฟนสาวของเสี่ยวตงถามถึงสถานการณ์ของเจี่ยจวิ้นปั๋วและเสี่ยวตง อีกฝ่ายก็ตอบว่า "ใช่แล้ว"
ภาพหน้าจอแชทอีกภาพหนึ่งที่สำนักข่าวจี๋มู่ได้รับมา แสดงให้เห็นว่าเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน เสี่ยวตงได้ส่งข้อความส่วนตัวถึงเพื่อนของแม่ของเขาบนแพลตฟอร์มหนึ่งเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยระบุว่าเขากับเพื่อนถูกลักพาตัวไปยังกัมพูชา และ "พวกเขาถูกขายให้กับนิคมอุตสาหกรรมธุรกิจสีเทาเมื่อสี่วันก่อน บริษัทชื่อไพลิน เลขทะเบียนบริษัทคือ 8777" เป็นที่เข้าใจกันว่าไพลินเป็นเมืองในกัมพูชา ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ใกล้กับชายแดนไทย
ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีการกวาดล้างธุรกิจสแกมเมอร์ในกัมพูชาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่สื่อและผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศต่างแสดงความกังขาว่าเป็นการกวาดล้างที่จริงจังหรือไม่ และมีโอกาสที่รัฐบาลกัมพูชาจะเพียงแต่แสดงละครตบตา เนื่องจากชนชั้นนำของกัมพูชาได้รับผลประโยชน์จากการเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาเหล่านี้
จะเห็นได้จากการที่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานทูตจีนประจำกัมพูชาได้ออกประกาศเตือนชาวกัมพูชาในวันที่ 23 กรกฎาคม ให้ปฏิบัติตามกฎหมายและหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงให้มากที่สุด
สถานทูตจีนประจำกัมพูชาระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลกัมพูชาได้จัดปฏิบัติการพิเศษทั่วประเทศเพื่อปราบปรามการฉ้อโกงทางออนไลน์ และได้บุกค้นแหล่งต้องสงสัยเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางออนไลน์หลายสิบแห่ง และจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายพันคน สถานทูตขอเตือนชาวจีนทุกคนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงให้มากที่สุด พกเอกสารประกอบให้ครบถ้วน และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ หากชาวจีนต้องการคำปรึกษาและความช่วยเหลือ โปรดติดต่อสถานทูตจีนประจำกัมพูชาผ่านช่องทางที่เป็นทางการ
ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาประกาศเมื่อคืนก่อนหน้านั้น (23 กรกฎาคม) ว่าในการปราบปรามการฉ้อโกงทางออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมมากกว่า 3,000 คน
ไม่ใช่แค่กัมพูชาเท่านั้นที่ยังมีการระบาดของการค้ามนุษย์ไปทำธุรกิจสแกมเมอร์ แม้แต่ที่เมียนมาซึ่งผ่านการกวาดล้างมาหยกๆ ล่าสุด มีข่าวว่าคนหนุ่มสาวชาวจีนถูกลวงไปทำงานที่นั่นอีกครั้งแล้ว เช่น เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ผู้สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยวัย 19 ปี ขาดการติดต่อไป 7 วัน หลังจากหางานช่วงฤดูร้อน ตำแหน่งสุดท้ายคือท่าเรือชายแดนจีน-เมียนมา ทำให้มีข้อสงสัยว่าเขาอาจถูกหลอกให้ไปทำงานกลโกงออนไลน์ที่เมียนมา
จากการรายงานของสำนักข่าวเฟิงเมี่ยน (封面新闻) เมื่อไม่นานมานี้ ชาวเน็ตรายหนึ่งโพสต์ว่าเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม เด็กชายวัย 14 ปี ในเขตกวนซานหู เมืองกุ้ยหยาง ได้ออกไปที่บ้านเพื่อนร่วมชั้นและขาดการติดต่อ ครอบครัวจึงโทรแจ้งตำรวจทันที และจากการติดตามทางโทรศัพท์พบว่าเด็กชายคนดังกล่าวเคยเดินทางไปลิ่วผานสุ่ย อวี้ซี ยูนนาน และประเทศไทย และคาดว่าจากไทยจะไปยังเมียนมาในที่สุด แม่ของเด็กรายนี้ระบุว่า ลูกของเธออาจติดต่อกับคนของศูนย์ธุรกิจฉ้อโกงผ่านซอฟต์แวร์โซเชียลหรือเกม เธอเปิดเผยว่าบัญชีและบันทึกที่เกี่ยวข้องได้ถูกส่งมอบให้กับตำรวจแล้ว
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 และเผยแพร่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมโดยสำนักข่าว Agence Kampuchea Presse (AKP) แสดงให้เห็นผู้ต้องสงสัยนอนอยู่บนพื้น มือถูกมัดไว้ด้านหลังหลังจากถูกควบคุมตัวระหว่างการบุกจับศูนย์หลอกลวงแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ (ภาพโดย POOL / AFP)