เบื้องหลังข่าว
- ในเวลานี้รัฐบาลทรัมป์ไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับ เจฟฟรีย์ เอปสตีน แม้ว่าก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยให้คำมั่นว่าจะทำเช่นนั้นในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งปี 2024 ก็ตาม โดยเชื่อกันว่าไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับเอปสตีนอาจจะซ่อนรายละเอียดเกี่ยวกับ "บุคคลสำคัญระดับโลก" ที่เกี่ยวข้องกับการอนาจารทางเพศในเครือข่ายของเอปสตีน และอาจมีข้อมูลเกียวกับการเสียชีวิตอย่างลึกลับของเอปสตีนที่หลายคนเชื่อว่าไม่ได้ฆ๋าตัวตาย แต่ถูกฆ่าปิดปากต่างหาก
- เนื่องจากทรัมป์เปลี่ยนนท่าที ทำให้เขาเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสื่อ สาธารณชน และแม้แต่ผู้สนับสนุนจำนวนมากของเขาต่อการตัดสินใจที่จะไม่เปิดเผยไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับเอปสตีน แม้ว่าทรัมป์จะพยายามปัดความสัมพันธ์กับเอปสตีนและลดความสำคัญของความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่ผู้สนับสนุนที่กระตือรือร้นที่สุดของขบวนการ MAGA บางส่วนก็ยังเริ่มเรียกร้องให้ทรัมป์เปิดเผยไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับเอปสตีนน์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนำไปสู่ความแตกแยกที่เห็นได้ชัดภายในฐานเสียงสนับสนุนของเขา
- ต่อมาอัยการสูงสุดสหรัฐฯ แพม บอนดี ได้ระบุในบันทึกที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 ว่าไม่มีหลักฐานว่าเอปสตีนมีรายชื่อลูกค้าบริการทางเพศ หรือว่าเขาเคยแบล็กเมล์บุคคลสำคัญ บันทึกดังกล่าวยังยืนยันว่าเอปสตีนได้ฆ่าตัวตายระหว่างถูกควบคุมตัว ประกาศดังกล่าวก่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ผู้สนับสนุนทรัมป์ที่ศรัทธาแรงกล้าที่สุด ซึ่งเชื่อทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าเอปสตีนเป็นศูนย์กลางของ "กลุ่มบุคคลผู้ทรงอิทธิพลและคนดัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคเดโมแครต" แต่รัฐบาลทรัมป์กลับปกปิดเรื่องนี้ไว้ ในโพสต์โซเชียลมีเดีย ทรัมป์ตอบโ๖้ว่าผู้สนับสนุนของเขาที่เรียกร้องให้เปิดเผยนั้นเป็นคน "โง่เขลา" "ไร้สติ" และเป็น "อดีตผู้สนับสนุน"
ความสัมพันธ์ในอดีตของโดนัลด์ ทรัมป์ กับเจฟฟรีย์ เอปสตีน กำลังถูกตรวจสอบ หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประณามรายงานของ Wall Street Journal ว่าเป็น "ข่าวปลอม" หลังจากที่สื่อใหญ่ระบุว่า ทรัมป์ส่งจดหมายลามกอนาจารถึง เจฟฟรีย์ เอปสตีน ผู้กระทำความผิดทางเพศชื่อดัง
สำนักข่าว AFP ได้ทำการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ยังต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลของรัฐบาลทั้งหมดเกี่ยวกับอาชญากรรมที่ถูกกล่าวหาของเอปสตีนและการเสียชีวิตของเขา
เกี่ยวกับงานปาร์ตี้และเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
ทรัมป์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และเรียกตัวเองว่าเป็นเพลย์บอย ดูเหมือนจะรู้จักกับเอปสตีนมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 ซึ่งในเวลานั้นเอปสตีนผู้จัดการกองทุนผู้มั่งคั่ง
ทั้งคู่เคยร่วมงานปาร์ตี้กับเชียร์ลีดเดอร์ NFL ในปี 1992 ที่รีสอร์ท Mar-a-Lago ของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา และมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายจากสำนักข่าว NBC News ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่กำลังพูดคุยและหัวเราะกัน
ในปีเดียวกันนั้น เอปสตีนเป็นแขกคนเดียวของทรัมป์ในการแข่งขัน "สาวปฏิทิน" (calendar girl) ที่เขาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งมีหญิงสาวเข้าร่วมกว่า 20 คน ตามรายงานของ New York Times
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิด ทรัมป์เคยโดยสารเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเอปสตีนอย่างน้อยเจ็ดครั้งในช่วงทศวรรษ 1990 ตามบันทึกการบินที่นำเสนอต่อศาลและสื่อสหรัฐฯ อ้างอิง
เขาปฏิเสธเรื่องนี้ และในปี 2024 เขากล่าวว่า "ไม่เคยขึ้นเครื่องบินของเอปสตีน"
ในปี 1993 ตามรายงานของ New York Times ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าลวนลามสเตซีย์ วิลเลียมส์ นางแบบชุดว่ายน้ำ หลังจากที่เอปสตีนแนะนำพวกเธอที่อาคาร Trump Tower ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ทรัมป์ปฏิเสธ
นอกเหนือจากความเชื่อมโยงกับเอปสตีนแล้ว ทรัมป์ยังถูกกล่าวหาว่าประพฤติมิชอบทางเพศกับผู้หญิงประมาณ 20 คน
ในปี 2023 ทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศและหมิ่นประมาทนักข่าวชาวอเมริกัน อี. จีน แคร์โรลล์ ในการพิจารณาคดีแพ่ง
ทรัมป์ชมเอปสตีนคือ'ผู้ชายที่ยอดเยี่ยม'
เวอร์จิเนีย กิฟเฟร หนึ่งในผู้กล่าวหาหลักของเอปสตีน ซึ่งเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในปีนี้ กล่าวว่าเธอถูกชักชวนให้เข้าร่วมเครือข่ายค้ามนุษย์ทางเพศที่ถูกกล่าวหาของเขาเมื่ออายุ 17 ปี ขณะทำงานที่คลับมาร์อาลาโกของทรัมป์ในปี 2000
กิฟเฟรอ้างว่ากิสเลน แม็กซ์เวลล์ได้ติดต่อเธอที่นั่น ซึ่ง กิสเลน แม็กซ์เวลล์เคยช่วยเอปสตีนล่วงละเมิดทางเพศเด็กผู้หญิง และเธอถูกจำคุกในปี 2022 จากข้อหาดังกล่าว
ทรัมป์ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเอปสตีนในช่วงเวลานั้น โดยยกย่องเขาว่าเป็น "ผู้ชายที่ยอดเยี่ยม" ในบทความลงนิตยสาร New York Magazine ในปี 2002
"เขาเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสนุกมาก มีคนบอกว่าเขาชอบผู้หญิงที่สวยพอๆ กับผม และผู้หญิงหลายคนก็อายุน้อยกว่า" ทรัมป์กล่าว
ในปี 2003 ตามรายงานของ Wall Street Journal ทรัมป์ได้เขียนจดหมายฉลองวันเกิดครบรอบ 50 ปีของเอปสตีน โดยมีภาพวาดผู้หญิงเปลือยกาย พร้อมลายเซ็น "โดนัลด์" เลียนแบบขนเพชร
ข้อความที่ดูเหมือนจะเป็นของทรัมป์มีใจความว่า "สุขสันต์วันเกิด -- และขอให้ทุกวันเป็นความลับอันแสนวิเศษอีกครั้ง" แต่ทรัมป์ปฏิเสธจดหมายฉบับนั้นว่าเป็น "ของปลอม" --
หลังจากนั้นทรัมป์บอก'ผมไม่ชอบ'
มีรายงานว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ร้าวฉานกันในปี 2004 ขณะที่กำลังแข่งขันกันซื้ออสังหาริมทรัพย์ริมน้ำในฟลอริดา ซึ่งในที่สุดทรัมป์ก็คว้าตัวมาได้
หลังจากนั้น ทรัมป์ก็แทบจะไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะชนอีกเลย ต่อมาในปี 2019 ทรัมป์ได้ออกมากล่าวว่าพวกเขามี "ความขัดแย้ง" และไม่ได้พูดคุยกันมา 15 ปี
ไม่นานหลังจากการประมูลอสังหาริมทรัพย์ ตำรวจได้เริ่มการสอบสวนเอปสตีนและหลังจากนั้นเขาถูกจำคุกในปี 2008 เป็นเวลา 13 เดือนในข้อหาชักชวนให้โสเภณีที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์
เขาถูกจับกุมอีกครั้งในปี 2019 หลังจากถูกกล่าวหาว่าค้ามนุษย์เด็กหญิงอายุเพียง 14 ปี และกระทำอนาจารกับพวกเธอ
ทรัมป์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก พยายามแยกตัวออกจากเอปสตีนเพื่อนเก่า
"ผมไม่ชอบ" เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อข้อกล่าวหาถูกเปิดเผย
จนกระทั่งในปี 2019 เอปสตีนถูกพบแขวนคอเสียชีวิตในห้องขังระหว่างรอการพิจารณาคดี เจ้าหน้าที่ระบุว่าเขาเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย
นับแต่นั้นมา ทรัมป์ก็ยึดติดและปลุกปั่นทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าชนชั้นนำระดับโลก รวมถึงอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหรือการเสียชีวิตของเอปสตีน
แต่แล้ว ทฤษฎีเดียวกันนี้กำลังคุกคามเสถียรภาพของรัฐบาลทรัมป์ แม้ว่าเขาจะพยายามปัดเป่าเรื่องราวนี้ว่าเป็น "เรื่องหลอกลวง" ที่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองสร้างขึ้นก็ตาม
Agence France-Presse
Photo - TOPSHOT - ข้อความเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน ถูกฉายลงบนอาคารหอการค้าสหรัฐฯ ฝั่งตรงข้ามทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าจะขอให้เปิดเผยคำให้การของคณะลูกขุนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามขจัดความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากการจัดการคดีค้ามนุษย์เพื่อการค้าประเวณีของอดีตนักการเงินผู้ล่วงลับ อัยการสูงสุดแพม บอนดี กล่าวว่ากระทรวงยุติธรรมจะขอให้ศาลเปิดเผยบันทึกการพิจารณาคดีของคณะลูกขุนใหญ่ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับเอปสตีนตกเป็นเป้าความสนใจอีกครั้งจากจดหมายที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เหมาะสมซึ่งตีพิมพ์โดยวอลล์สตรีทเจอร์นัล (Photo by Alex WROBLEWSKI / AFP)
