สำหรับสตีเฟน มิลเลอร์ (Stephen Miller) ผู้วางรากฐานนโยบายอันแข็งกร้าวต่อผู้อพยพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา การประท้วงในลอสแองเจลิสเป็นแนวหน้าของ "การต่อสู้เพื่อปกป้องอารยธรรม" อย่างแท้จริง
มิลเลอร์ ผู้ภักดีสุดโต่งต่อทรัมป์วัย 39 ปี ไต่เต้าขึ้นมาในฐานะที่ปรึกษาที่ทรงอำนาจและแข็งกร้าวที่สุดของทรัมป์ในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับผู้อพยพ อันเป็นนโนบายที่เป็นจุดขายของพรรครีพับลิกัน
บนถนนทางสู่ทำเนียบขาว มิลเลอร์ปรากฏด้วยภาพลักษณ์แข็งกร้าวและมักจะปรากฏตัวต่อสาธารณะเพื่อตอกย้ำความคิดเห็นของประธานาธิบดีต่อหน้ากล้องของสื่อ และมักจะโต้เถียงกับนักข่าวด้วยซ้ำ
จลาจลต่อต้านการจับกุมผู้อพยพที่เมืองลอสแองเจลิส ไม่เพียงสะท้อนทัศนะฝ่ายขวาจัดเกี่ยวกับการเสื่อมถอยของตะวันตกที่เผชิญกับ "การรุกราน" ของผู้อพยพเท่านั้น แต่มิลเลอร์ยังเน้นย้ำว่าหัวข้อนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองสำหรับเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นความตายต่อตัวเขาด้วย
ท่าทีอันแข็งกร้าวของเขาปรากฏอยู่ในคำประกาศทำเนียบขาวในการสิทธิในการใช้พลังอำนาจของประธานาธิบดีเพื่อดำเนินนโยบายที่ดุดันอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยการอ้างกฎหมายเก่าแก่อายุหลายศตวรรษ หรือกฎหมายที่แทบไม่เคยถูกอ้างถึงเพื่อแสดงความชอบธรรมในการเนรเทศผู้อพยพ
แต่แล้ว มิลเลอร์ ผู้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบายและความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของทรัมป์ ก็อยู่ในจุดวิกฤตเช่นกัน
'ซากปรักหักพังของตะวันตก'
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal มิลเลอร์เป็นผู้ที่ออกคำสั่งให้สำนักงานบังคับการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ (ICE) เร่งดำเนินการจัดการกับผู้อพยพในเดือนพฤษภาคม หลังจากจำนวนการเนรเทศผู้อพยพรายวันภายใต้การบริหารของทรัมป์ลดลงต่ำกว่าอัตราที่รัฐบาลของโจ ไบเดนได้ดำเนินการในปีที่แล้ว
คำสั่งดังกล่าวส่งผลให้มีการบุกจับผู้อพยพที่ Home Depot ในลอสแองเจลิส ซึ่งก่อให้เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง และการตัดสินใจของทรัมป์ในการส่งทหารหลายพันนายเข้าไป
มิลเลอร์ซึ่งเติบโตมาในย่านซานตาโมนิกาของลอสแองเจลิส ได้ใช้โซเชียลมีเดียต่อสู้กับพรรคเดโมแครตที่กล่าวหาว่าทรัมป์ใช้อำนาจนิยม
“เราพูดกันมาหลายปีแล้วว่านี่คือการต่อสู้เพื่อปกป้องอารยธรรม ใครก็ตามที่มองเห็นก็สามารถมองเห็นได้แล้ว” มิลเลอร์กล่าวในบัญชี X เมื่อวันอาทิตย์
สองสามวันก่อน เขาได้แสดงมุมมองโลกฝ่ายขวาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่าย “ที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม” (big, beautiful" spending bill) ฉบับใหม่ของทรัมป์ ซึ่งมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐาน
“หากเราไม่สามารถควบคุมการย้ายถิ่นฐาน (ของผู้อพยพ) ได้ เราจะต้องมาถกเถียงกันเรื่องนี้กันบนซากปรักหักพังของตะวันตก ” เขาเขียนเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน
นักวิจารณ์กล่าวว่าความคิดเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็น “ทฤษฎีทดแทน” (replacement theory) ของฝ่ายขวาจัด ที่อ้างว่ามีการสมคบกันเพื่อให้มีการย้ายถิ่นฐานของผู้อพยพจากทวีปอื่นเข้ามาในสังคมตะวันตกเพื่อทำลายล้างสังคมตะวันตก
อันที่จริงแล้ว ในช่วงวาระแรกของทรัมป์ ท่าทีที่แข็งกร้าวของมิลเลอร์ทำให้เขากลายเป็นคนนอกคอกไปเลยด้วยซ้ำ
ในฐานะนักปฏิวัติหนุ่ม มิลเลอร์เป็นหนึ่งในผู้วางแผน "การห้ามมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ" ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งต่อมามีปัญหาทางกฎหมายหลังจากที่ร่างขึ้นอย่างไม่ดี
มิลเลอร์หลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่วุ่นวายซึ่งครอบงำทำเนียบขาวแห่งแรกของทรัมป์ได้เป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้เสียงที่เป็นกลางมากขึ้นชนะในนโยบายการย้ายถิ่นฐาน
อย่างไรก็ตาม มิลเลอร์ยังคงจงรักภักดีและยืนหยัดเคียงข้างเจ้านายของเขาแม้ว่าวาระแรกของทรัมป์จะจบลงด้วยความเสื่อมเสียจากการทรี่ผู้สนับสนุนของทรัมป์เข้าโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
ความขัดข้องจากกรณี'มัสก์'
ในรัฐบาลทรัมป์ชุดที่สอง มุมมองของมิลเลอร์กลายเป็นกระแสหลัก
"ผมเรียกสตีเฟนว่าเป็น 'มันสมองของทรัมป์'" เควิน แม็กคาร์ธี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน กล่าวกับหนังสือพิมพ์ New York Times ก่อนการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ในเดือนมกราคม
มิลเลอร์เป็นแรงผลักดันโดยเฉพาะเบื้องหลังการขุดคุ้ยกฎหมายในยุคสงครามที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมายาวนานกว่า 200 ปีมาใช้จัดการเนรเทศผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นผู้ปกป้องมาตรการนี้เมื่อการปราบปรามครั้งนั้นส่งผลให้ชายคนหนึ่งถูกเนรเทศไปยังเอลซัลวาดอร์โดยผิดพลาด
เขายังทำให้พรรคเดโมแครตโกรธแค้นเมื่อเขาพูดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมว่าทำเนียบขาวกำลัง "พิจารณา" ระงับการพิจารณาคดีโดยสมัครใจ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ผู้อพยพที่ตกเป็นเป้าหมายของการเนรเทศจำนวนมากยื่นอุทธรณ์เพื่อขอสิทธิในการขึ้นศาล
มิลเลอร์เพิ่งอ้างว่าสื่อวิจารณ์อย่างหนักเมื่อสถานีโทรทัศน์ ABC เลิกจ้างเทอร์รี โมรัน ผู้สื่อข่าวอาวุโส ซึ่งบรรยายผู้ช่วยของทรัมป์ว่าเป็น "ผู้เกลียดชังระดับโลก" ในโพสต์บนโซเชียลมีเดียช่วงดึก
อย่างไรก็ตาม จุดบกพร่องอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อมิลเลอร์และเคธี่ ภรรยาของเขาพบว่าตนเองเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างทรัมป์และอีลอน มัสก์ ที่ปรึกษามหาเศรษฐีของเขา
เคธี่ มิลเลอร์เคยเป็นที่ปรึกษาอาวุโสและโฆษกประจำฝ่ายประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล (DOGE) ของมัสก์ และมีรายงานว่าเธอเตรียมลาออกจาก DOGE และไปทำงานให้กับบริษัทของมัสก์หลังจากที่มัสก์ลาออกจากทำเนียบขาว
แต่ตอนนี้ทั้งคู่พบว่าในแง่ของอาชีพแล้ว พวกเขาอยู่คนละฝั่งของความขัดแย้งระหว่างบุคคลที่รวยที่สุดในโลก คือ มัสก์ และบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุด คื่อ ทรัมป์ ซึ่งตอนนี้กำลังขัดแย้งกันอย่างหนัก
Agence France-Presse
Photo by Mandel NGAN / AFP