เพจเฟซบุ๊คทางการ Samdech Hun Sen of Cambodia เผยแพร่คลิปเสียงรายงานข่าวท่าทีของ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาต่อกรณีการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ฮุน มาเนต ได้กล่าวถึงการระดมกำลังและอาวุธไปยังชายแดนเป็นการดำเนินการตามแผนฉุกเฉินเพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา ในกรณีที่มีสสถานการณ์ฉุกเฉินเกินขึ้น แม้ว่าในเวลานี้ ฮุน มาเนต จะไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่ได้สั่งการมาจากญี่ปุ่นแล้ว
ขณะเดียวกันในเพจเฟซบุ๊คทางการ Hun Manet นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาได้โพสต์ท่าทีของเขาต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ดังนี้
"ข่าวการปะทะกันด้วยอาวุธระหว่างกองทัพกัมพูชากับไทยที่ชายแดนเมื่อวานนี้ที่มอมเตย (ช่องบอก) รวมถึงการเคลื่อนย้ายทหารและอาวุธหนักบางส่วนไปยังชายแดนในช่วงที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ ทำให้ประชาชนของเราหลายคนวิตกกังวลและไม่มั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ชายแดน สงครามจะปะทุขึ้นหรือไม่ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการสถานการณ์หรือสั่งการเคลื่อนย้ายทหารเมื่อนายกรัฐมนตรีอยู่ต่างประเทศ
ผมขอชี้แจงให้เพื่อนร่วมชาติทราบโดยย่อว่าถึงแม้ผมจะอยู่ที่ญี่ปุ่นและมีการประชุมเชิงปฏิบัติการบ่อยครั้ง แต่ระบบและลำดับชั้นของการบังคับบัญชาและควบคุมในกรณีสำคัญเช่นนี้ยังคงเป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี ผมได้รับรายงานความคืบหน้าทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ชายแดนผ่านท่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด และท่านผู้บัญชาการทหารบก รวมถึงผลการติดต่อระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และผู้บัญชาการทหารบกไทย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกันอีก และพยายามฟื้นฟูความสงบและความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพแนวหน้าของทั้งสองประเทศ ในขณะเดียวกัน ผมต้องอนุมัติหรือสั่งการการตัดสินใจที่สำคัญทั้งหมด รวมถึงการระดมกำลังทหารและอาวุธไปที่ชายแดนด้วย
ผมไม่ต้องการเห็นการสู้รบระหว่างทหารที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อประเทศและประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะทหารที่ต้องต่อสู้กันโดยตรงในแนวหน้า
ในเรื่องนี้ ผมหวังว่าการพบกันระหว่างผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชาและผู้บัญชาการทหารบกไทยในค่ำคืนนี้จะมีผลดีในการรักษาความสงบและการสื่อสารที่ดีระหว่างกองทัพแนวหน้าทั้งสองของเรา เช่นเดียวกับที่เคยทำมาในอดีต ส่วนการระดมกำลังและอาวุธเข้าชายแดนนั้น เป็นการปฏิบัติตามแผนสำรองของกองทัพในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา ซึ่งต้องพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
ดังที่ผมได้เคยกล่าวไว้ในเวทีสาธารณะว่า กัมพูชาไม่มีเจตนารุกรานประเทศใด และเราต้องการให้ปัญหาชายแดนได้รับการแก้ไขโดยอาศัยเหตุผลทางเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม กัมพูชายังสงวนสิทธิ์ที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของตน รวมถึงการใช้กำลังทหารในกรณีที่มีการพยายามรุกรานและละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาโดยใช้กำลังทหาร
ดังนั้น ผมขอให้ประชาชนกัมพูชาทุกคนรับทราบข้อมูลและอย่าวิตกกังวลกับข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปโดยไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน นอกจากนี้ ผมขอเรียกร้องให้ประชาชนกัมพูชาของเราป้องกันไม่ให้ปัญหานี้ลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ และให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลและกองทัพของเราจะสามารถหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยความรับผิดชอบอย่างยิ่ง"
ทั้งนี้ ฮุน มาเนต ยังโพสต์ภาพถ่ายประกอบไว้ด้วยโดนบอกว่า "ภาพทั้ง 2 ภาพนี้เป็นภาพที่เกิดขึ้นระหว่างการสู้รบระหว่างกองทัพกัมพูชากับกองทัพไทยในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย เมื่อกว่า 10 ปีก่อน ในปี 2551 และ 2554 ภาพหนึ่งถ่ายใกล้กับกองบัญชาการแนวหน้าในเมืองสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย ในระหว่างที่เกิดการสู้รบระหว่างกองทัพกัมพูชากับกองทัพไทย อีกภาพหนึ่งเป็นภาพการเจรจากับกองทัพไทยที่อำเภอจอมสเพื่อยุติการสู้รบระหว่าง 2 กองทัพ"
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo by Penny STEPHENS / ASEAN-Australia Special Summit 2024 / AFP