ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ปฏิเสธว่าไม่ได้ทะเลาะกับ บริจิตต์ ผู้เป็นภริยา หลังจากมีวิดีโอปรากฏให้เห็นว่าเธอผลักหน้าเขาออกไปหลังจากที่เครื่องบินของพวกเขาลงจอดที่สนามบินระหว่างการเยือนเวียดนาม โดยโทษว่าการอ้างว่าเขากับภริยาทะเลาะกันนั้นเป็นแคมเปญเผยแพร่ข่าวปลอมที่พยายามตีความวิดีโอดังกล่าวอย่างผิดๆ
รัฐบาลฝรั่งเศสหวังว่าการเยือนเวียดนามครั้งนี้จะปูทางในการก้าวเข้าสู่ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกของฝรั่งเศส แต่แล้วการเยือนของมาครงกลับถูกบดบังด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประตูเครื่องบินของประธานาธิบดีเปิดออกหลังจากลงจอดที่ฮานอยเมื่อวันอาทิตย์
นี่เป็นครั้งที่สามในเดือนนี้ที่มาครงตกเป็นเป้าหมายของวิดีโอไวรัลในช่วงเวลาที่ทางการฝรั่งเศสอ้างว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายของแคมเปญข่าวปลอมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่รัสเซียเพิ่มการโจมตียูเครน
ก่อนหน้านี้มีการกล่าวอ้างอย่างผิดๆ ว่า มาครง เสพโคเคนระหว่างเดินทางไปเคียฟพร้อมกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ และนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ฟรีดริช เมอร์ซ นอกจากนี้ยังมีภาพหลุดที่อ้างว่าประธานาธิบดีตุรกี เรเจป ไตยิป เอร์โดอาน จับมือกับผู้นำฝรั่งเศสอย่างแนบแน่น
ที่กรุงฮานอยมีภาพหลุดบนเครื่องบินขณะที่ บริจิตต์ มาครง ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาและผลักหน้าสามีของเธอ ตามภาพที่ถ่ายโดยสำนักข่าว Associated Press
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสดูตกใจแต่ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็วและหันไปโบกมือผ่านประตูที่เปิดอยู่ แต่เนื่องจากร่างกายของบริจิตต์ถูกบังไว้โดยเครื่องบินเกือบหมด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นการแสดงออกทางสีหน้าหรือภาษากายของภรรยาเขา
"ผมกับภรรยาเถียงกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราล้อเล่นกัน และผมเองก็ตกใจมาก" เขากล่าว
ตอนนี้มันกลายเป็น "หายนะระดับโลก และบางคนยังคิดทฤษฎีขึ้นมาด้วย" มาครงกล่าวกับนักข่าว
'ใจเย็นๆ'
มาครงอ้างถึงเหตุการณ์อื่นๆ อย่างหงุดหงิด รวมทั้งภาพที่ถ่ายบนรถไฟไปเคียฟ ซึ่งบางรายงานกล่าวหาอย่างผิดๆ ว่าเขามีโคเคนวางไว้บนโต๊ะ ก่อนเขาที่จะใช้มือหยิบไปซ่อนไว้
แต่จริงๆ แล้วสิ่งของที่มาครงหยิบออกจากโต๊ะเมื่อสื่อเข้ามาคือกระดาษทิชชู่
ในขณะเดียวกัน มีการบันทึกภาพเออร์โดกันกำลังจับนิ้วของประธานาธิบดีที่การประชุมสุดยอด
"ไม่มีอันไหนเป็นความจริง" มาครงกล่าวถึงวิดีโอดังกล่าว
"ทุกคนต้องใจเย็นๆ" เขากล่าวเสริม
หลังจากเหตุการณ์ในฮานอย ทั้งคู่เดินลงบันไดไปต้อนรับเจ้าหน้าที่เวียดนามอย่างเป็นทางการ แม้ว่าบริจิตต์ มาครงจะไม่จับแขนสามีของเธอเมื่อเขายื่นมือให้ก็ตาม
วิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ทางออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบัญชีที่มักจะแสดงความเป็นศัตรูกับผู้นำฝรั่งเศส
สำนักงานของมาครง ปฏิเสธในตอนแรกว่าภาพเหล่านี้เป็นของจริง โดยอ้างว่าอาจใช้ปัญญาประดิษฐ์ ก่อนที่ภาพเหล่านี้จะได้รับการยืนยันว่าเป็นของจริง และ Macron ก็ได้ตอบกลับมาว่า
'ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้'
"ในวิดีโอทั้งสามนี้ ผมหยิบกระดาษทิชชู่ จับมือใครสักคน และแค่พูดเล่นๆ กับภรรยาของผม เหมือนที่เราทำบ่อยๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้" มาครง กล่าว
เขาโทษว่าการบิดเบือนข้อมูลนั้นเกิดจาก "เครือข่ายที่ติดตามได้ค่อนข้างง่าย" โดยเฉพาะการกล่าวโทษ "รัสเซีย" และ "กลุ่มหัวรุนแรงในฝรั่งเศส"
เขาย้ำว่าวิดีโอทั้งสามนั้น "เป็นของจริงทั้งหมด" แต่การอ้างนัยผิดๆ ที่ปรากฏในวิดีโอนั้นไม่ถูกต้อง
ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ซึ่งได้ส่งเสริมข่าวปลอมเกี่ยวกับโคเคนอย่างจริงจังเมื่อต้นเดือนนี้ เขียนบน Telegram ว่า มาตรงได้รับ "หมัดตรงจากภรรยา"
เธอกล่าวว่าที่ปรึกษาของมาครงจะพยายามอธิบายการกระทำดังกล่าวโดยกล่าวโทษรัสเซีย “บางทีอาจเป็น ‘การแทรกแซงของเครมลิน’ ก็ได้” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชันอย่างหนัก
เวียดนามเป็นจุดแวะพักแรกในการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของมาครง ซึ่งเขาจะเสนอให้ฝรั่งเศสเป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือแทนสหรัฐอเมริกาและจีน
เขาจะไปเยือนอินโดนีเซียและสิงคโปร์ด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างมาครง วัย 47 ปี และภรรยา วัย 72 ปี เป็นที่หลงใหลของคนทั้งในประเทศและต่างประเทศมาช้านาน
เธอเคยเป็นครูสอนละคร ส่วนเขาเป็นลูกศิษย์เมื่อพวกเขาพบกันที่โรงเรียนเอกชนในบ้านเกิดของพวกเขาที่เมืองอาเมียงส์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส บริจิตต์ซึ่งเป็นแม่ของลูกสามคน หย่าร้างกับสามีและเริ่มคบหาดูใจกับมาครงเมื่อเขาอายุใกล้จะเข้าวัยรุ่น
เธอซึ่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่มีชื่อเสียง ได้ดำเนินคดีทางกฎหมายเพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหาเท็จบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการอ้างเรื่องสถานะเพศของเธอด้วยข้อมูลผิดๆ
Agence France-Presse
Photo by Ludovic MARIN / AFP