เมื่อเวลา 8.10 น. ของวันที่ 10 พฤษภาคม เจียงเจาเผิง (姜昭鹏) นักเรียนชั้นปีที่ 3 ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาซานตงพร้อมเพื่อนร่วมชั้นนั่งแท็กซี่ไปที่โรงเรียนมัธยมต้นเอียนไถหมายเลข 2 ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตรเพื่อเข้าสอบเข้าวิทยาลัยอาชีวศึกษา
การสอบเข้าวิทยาลัยอาชีวศึกษาหรือที่เรียกอีกอย่างว่า "การสอบฤดูใบไม้ผลิ" (春考) เป็นการสอบที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเรียนในวิทยาลัยอาชีวศึกษา ผู้ที่ผ่านการสอบนี้สามารถเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากขึ้นรถบัสได้เพียงนาทีเศษๆ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
จู่ๆ เพื่อนร่วมชั้นก็ล้มลงบนตัดของ เจียงเจาเผิง เขาเล่าว่า "ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกระหว่างเพื่อนด้วยกัน ผมคิดว่าเขาเหนื่อยและนอนทับขาผม จากนั้นผมได้ยินเขาหายใจไม่ออก จากนั้นเขาก็ชักกระตุก"
ในไม่ช้า เจียงเจาเผิงและหวางเทา คนขับเรียกรถแท็กซี่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วแต่เรื่องนี้ร้ายแรง ทั้งสองตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ด้วยการส่งเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ล้มป่วยกะทันหันไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ในเวลาเดียวกัน เจียงเจาเผิงพบว่าเพื่อนร่วมชั้นของเขาหยุดหายใจแล้ว เขาก็รีบเอนตัวเพื่อนร่วมชั้นของเขาลงบนเบาะหลังของรถ และเริ่มทำการปั๊มหัวใจและช่วยหายใจ
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าว CCTV News ถามเขาว่า "ใน 1 นาที ทำการปั๊ม CPR กี่ครั้ง และควรช่วยหายใจกี่ครั้ง"
เจียงเจาเผิง เล่าว่า "หนึ่งนาทีมีประมาณ 100-120 ครั้งในการกดหน้าอก และทุกๆ 30 ครั้ง เราจะสลับไปมา นั่นคือ CPR 30 ครั้ง ช่วยหายใจ 2-3 ครั้ง จากนั้นเราจะสลับไปมาเพื่อประเมินอาการของเขา ว่าเขายังหายใจอยู่หรือไม่ มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในปากหรือไม่ ฯลฯ"
ผู้สื่อข่าว CCTV News ถามว่า "คุณเรียนรู้ทักษะเหล่านี้จากที่ไหน เพราะแทบทุกคนที่ได้ดูวิดีโอนี้จะต้องคิดว่า "เขาเป็นมืออาชีพขนาดนั้นได้ยังไง"
เจียงจ่าวเผิงตอบว่า "ผมต้องขอบคุณโรงเรียนของเราสำหรับเรื่องนี้ โรงพยาบาลของโรงเรียนจัดกลุ่มนักเรียนเพื่อฝึกฝนความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเหล่านี้เป็นประจำ"
ในวลาเดียวกัน หวางเทา ผู้ขับรถแท็กซี่ได้โทรติดต่อศูนย์บัญชาการตำรวจจราจร 122 และขับรถด้วยความเร็วไว้ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ข้ามทางแยกหลายแห่ง และมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล
จนกระทั่ง เวลา 08.17 น. ของวันที่ 10 พ.ค. รถได้เคลื่อนตัวเข้าสู่โรงพยาบาลเอียนไถซาน และทีมฉุกเฉินได้ช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ป่วยได้อย่างรวดเร็ว ในเวลา 08.50 น. หัวใจของผู้ป่วยก็เต้นตามปกติ และผลการตรวจแสดงให้เห็นว่าอวัยวะของผู้ป่วยได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี เนื่องจากทำการปั๊มหัวใจและช่วยหายใจอย่างทันท่วงที
หลังจากส่งเพื่อนร่วมชั้นให้แพทย์และติดต่อครูประจำชั้นเพื่ออธิบายสถานการณ์แล้ว เจียงเจาเผิงก็ออกจากโรงพยาบาลและรีบไปที่ห้องสอบ เพื่อทำการสอบภาษาจีน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขามาสายเกินกว่ากำหนด เขาจึงไม่สามารถเข้าสอบในเช้าวันนั้นได้
เจียงเจาเผิงเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า "ตอนนั้นผมยังรู้สึกหดหู่มากอยู่เลย ถึงแม้ว่าผมจะเรียนหนังสืออย่างหนักมาสามปีแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ผ่านการสอบ แต่แล้วผมก็คิดว่าผมช่วยเพื่อนร่วมชั้นของผมไว้ได้แล้ว ผมยังคงโชคดีและมีความสุขมาก ความรู้สึกนี้อยู่เหนือความจริงที่ว่าผมไปสอบสายเสียอีก"
อย่างไรก็ตาม คนทำความดีสังคมย่อมไม่มองข้าม การช่วยเหลือของเจียงเจาเผิงและหวางเทา คนขับรถรับจ้างออนไลน์ดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว และรัฐบาลเมืองเอียนไถได้มอบตำแหน่งกิตติมศักดิ์ "บุคคลผู้กล้าหาญระดับสูงของเมืองเอียนไถ" ให้แก่พวกเขา
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนกังวลมากที่สุดคือการที่เจียงเจาเผิงไม่ได้เข้าร่วมการสอบ โชคดีที่เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม สถาบันรับสมัครและสอบของมณฑลซานตงได้ออกประกาศต่อสาธารณชนเพื่อจัดสอบชดเชยพิเศษให้กับเจียงจ่าวเผิง
จ้าวลี่ รองประธานสถาบันการสอบและรับสมัครเข้าศึกษาระดับจังหวัดซานตง เปิดเผยว่า "เราได้รายงานไปยังผู้มีอำนาจระดับสูงเพื่อขออนุมัติแล้ว และตัดสินใจใช้หัวข้อย่อยเพื่อจัดสอบแยกสำหรับเจียงเจาเผิง"
หลังจากข่าวนี้ถูกประกาศออกไป ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจ เจียงเจาเผิงและครอบครัวของนักเรียนที่เขาช่วยไว้รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ และเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 18 พฤษภาคม เจียงเจาเผิงได้เดินออกจากสถานที่ทดสอบและทำการสอบชดเชยสำเร็จ
เจียงเจาเผิงเผยคว่ามในใจกับผู้สื่อข่าว CCTV News ว่า "ผมรู้สึกว่าความสำคัญของการสอบครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่คะแนนสอบ แต่เป็นเพราะว่าผมเดินเข้าห้องสอบพร้อมกับความคาดหวังจากคนอื่นๆ ผมไม่ได้คาดหวังว่าประเทศจะสามารถชดเชยการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของผมได้ ผมรู้สึกอบอุ่นและอบอุ่นใจมาก ขอบคุณทุกคนที่ห่วงใยและรักผม และผมจะส่งต่อความรักนี้ให้กับคนอื่นๆ ต่อไป"
เรียบเรียงและรายงานต่อโดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better อ้างอิงจากสถานีโทรทัศน์ CCTV News และ 腾讯新闻