เป็นเรื่องสะเทือนใจที่เกิดฟ้าผ่าที่ปราสาทนครวัด จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา จนมีผู้เสียชีวิตถึง 3 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก ระหว่างการประกอบพิธีที่ด้านบนของปราสาทประธานอันสูงลิบลิ่ว 

แต่ที่น่าสลดใจและทำให้ผมต้องขึ้นใจก็คือ คนไทยจำนวนหนึ่งรายงานข่าวโศกนาฏกรรมเหมือนเป็นเรื่องสะใจ ว่านี่คือ "ฟ้าพิโรธ" บ้างเป็น "คำสาปแช่ง" บ้าง

ผมขอตำหนิว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความคิดเกินไปหน่อย 

เป็นความจริงที่คนไทยไม่พอใจกัมพูชามากขึ้นทุกทีกรณี "เคลมโน่น เคลมนี่" และยังไม่นับพวก เกรียน หรือ Troll เขมรชาตินิยมที่มักจะก่อกวนประเทศไทยด้วยการบอกว่าไทยเป็น "หัวขโมยวัฒนธรรม"  จนน่าจะจับมา "สั่งสอน" รายตัวให้มันรู้สำนึกกันซะบ้าง

แต่ส่งที่เกิดขึ้นที่นครวัดไม่ใช่เรื่องความขัดแย้ง และกรณีนี้คนไทยควรจะเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน 

ถ้าคนไทยอยากระบายความไม่พอใจต่อกัมพูชาเรื่องอะไรก็ตาม ก็ควรจะเพ่งเล็งรัฐบาลประเทศนั้นเป็นพิเศษ ที่ปล่อยให้เกิดการ "บ่อนทำลาย" ความสัมพันธ์อยู่ได้ และปั่นหัวประชาชนให้หาเรื่องกัน

รวมถึงความไม่เอาไหนของรัฐบาลกัมพูชาที่เก็บเงินมหาศาลจากการเข้าชมนครวัด แต่ขาดความเอาใจใส่ที่จะติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าบนปราสาทประธานที่สูงลิ่ว "อย่างมีประสิทธิภาพ" 

ยังไม่นับระบบความปลอดภัยที่ล้มเหลว ไม่อาจห้ามผู้คนไม่ให้ขึ้นที่สูงในช่วงฝนตกและฟ้าแรง ถึงแม้จะไม่มีฟ้าผ่า ผมก็ยังกรงว่าคนอาจจะลื่นตกลงมาแข้งขาหักเสียก่อน 

นี่คือ "เวรกรรม" ที่ผู้มีอำนาจรับผิดชอบการบริหารจัดการนครวัดต้องแบกรับ

ไม่ใช่ฟ้าพิโรธหรือคำสาปอะไรหรอกครับ เพราะน้ำมือมนุษย์ล้วนๆ 

ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ดูเหมือนรัฐบาลกัมพูชาจะชอบปิดข่าว ทำให้เราทราบเรื่องนี้จากสื่อไม่กี่ราย กระทั่งตอนนี้ข้อมูลที่ชัดเจนก็ยังไม่ออกมา และยังได้ยินมาว่า "ชาวเน็ตกัมพูชา" ยังเรียกร้องให้ลบข่าวพวกนี้เสียอีก เพราะกลัวว่าจะกระทบการท่องเที่ยว

ก็อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละครับ "เวรกรรม" ที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมนี้คือความเลินเล่อของคน หลังจากโศกนาฏกรรมนี้ยังจะมีความเหลวไหลของมนุษย์ตามมาอีก

โดยเฉพาะ "ชาวเน็ตกัมพูชา" ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับพวก Troll หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ "ไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อประโยชน์เอาเลย" ยกเว้นหาเรื่องประเทศไทย และยกหางประเทศตัวเอง

การยกหางนี้มาถึงจุดพีคด้วยการพยายามปิดข่าวไม่ดีของประเทศ เพื่อให้มีแต่ข่าวอันสวยหรู

เมืองไทยไม่มีเรื่องพวกนี้ บ้านเมืองถึงพัฒนาไปเรื่อยๆ ประเทศไหนที่อวยตัวเองอย่างเดียว และกลบเรื่องด้านลบเอาไว้ ไม่มีทางจะก้าวหน้าได้ เพราะปัญหาถูกซุกซ่อนแบบลวกๆ อย่างนี้

คนกัมพูชาไม่ต้องกลัวหรอกครับว่าจะไม่มีคนไปเที่ยว หากทำตัวแบบนี้จะไม่มีคนไปเที่ยวแน่นอนเพราะ "ขาดความรับผิดชอบ" และใครๆ ก็จะกลัวว่าไปเที่ยวแล้วเกิดเจ็บเกิดตายขึ้นมาเขาจะปิดข่าวจนอาจจะเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้

คนกัมพูชาที่ดีควรจะเผยแพร่ข่าวให้มากๆ เพื่อให้รัฐบาลปรับปรุงตัว ไม่ใช่ว่าให้บริษัทในเงารัฐหากินกับของโบราณอย่างเดียว พอมีเรื่องร้ายๆ ก็กลบเกลื่อน เพราะกลัวเงินจะไม่เข้ากระเป๋า

คนกัมพูชาบางคนก็กล้าชี้ออกมาว่า "เราควรพยายามซุกซ่อนต่อไปหรือปรับปรุงให้ดีขึ้น? นครวัดทำเงินได้หลายร้อยล้านเหรียญต่อปีแต่ไม่มีระบบป้องกันฟ้าผ่า? โปรดนำนครวัดกลับจากบริษัทเอกชนมาที่รัฐด้วยจะดีมาก"

แต่ผมเข้าใจคนกัมพูชาส่วนใหญ่ เพราะถ้า "ปากโป้ง" มาเกินไปชีวิตก็จะแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะใครที่พูดตรงกันข้ามกับที่รัฐบาลต้องการ คนนั้นจะกลายเป็นคนผิดทันที หากไม่เข้าคุกก็ถูกอุ้มหาย

นี่คือเวรกรรมแท้ๆ ของคนกัมพูชา ไม่ใช่คำสาปที่ไหน

ส่วนคนไทยที่อ้างฟ้าอ้างคำสาปก็ควรจะแก้ไขตัวเองเสียใหม่ หากยังเลิกเกลียดไม่ได้ ก็ควรจะแยกแยะความเกลียดชังออกเป็นหมู่เหล่าเสียบ้าง เขาจะไม่ได้ว่าเราว่า "ไม่มีสมอง" เพราะทุกวันนี้ผมเห็นว่าคนไทยที่จงเกลียดจงชังกัมพูชา ชักจะเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เหตุผลเป็นเรื่องรอง ทำให้การโต้เถียงมีแต่เรื่องมดเท็จเหมือนกับพวก Troll เขมรกัมพูชาไม่ผิด 

พูดง่ายๆ คือ ยิ่งทำแบบนี้ คุณภาพของคนไทยอันเป็นพี่ใหญ่อาเซียน จะยิ่งตกต่ำเทียบเท่ากับคุณภาพการศึกษาของประเทศที่ยากจนที่สุดในภูมิภาค

เช่นการอ้างคำสาปมั่วๆ จากการอ้างจารึกโบราณที่ตีความไม่แตกและอ่านตามใจชอบ การอ้างมั่วๆ เรื่องขอมไม่ใช่เขมรโดยไม่มีหลักการภาษาศาสตร์เอาเลย เป็นต้น

โดยเฉพาะการอ้าง "ขอมไม่ใช่เขมร" นี้ผมหงุดหงิดมากกับความ "ไม่รู้จริง" ของคนไทยบางกลุ่มจนเขมรหัวร่อกันไม่หยุด ว่างๆ ผมจะมา "ทำให้แจ้ง" ในเรื่องนี้ เพราะหากปล่อยไว้จะกายเป็น "ความเท็จที่กลายเป็นจริง"

พอขาดความรู้ เข้าใจอะไรผิดๆ และขาด EQ ในการตอบโต้จนกระทั่ง IQ ตกต่ำ คนไทยเราบางคนจึงทำอะไรแบบไม่มี "มนุษยธรรม" ได้ง่ายๆ แบบกรณีฟ้าผ่านครวัดนี่แหละ

บทความโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo by Suy SE / AFP