อินโดนีเซียยังไม่กล้ากับจีน หลังขู่เก็บภาษี 200% ต่อมาเปลี่ยนท่าทีเปล่าตั้งเป้าโจมตีสินค้าจีน

อินโดนีเซียยังไม่กล้ากับจีน หลังขู่เก็บภาษี 200% ต่อมาเปลี่ยนท่าทีเปล่าตั้งเป้าโจมตีสินค้าจีน

ผ่านมาแล้วเกือบ 2 เดือนหลังจากที่ Antara สื่อของอินโดนีเซียรายงานเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนว่า ซุลกิฟลี ฮัสซัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย เผยว่าในไม่ช้านี้ อินโดนีเซียจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 100 - 200%  โดยนโยบายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ทันทีที่กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องถูกประกาศใช้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียอธิบายว่า สงครามการค้ากำลังทำให้จีนมีอุปทานล้นตลาด เนื่องจากสินค้าของจีนถูกชาติตะวันตกปฏิเสธ ทำให้จีนต้องเปลี่ยนเส้นทางการส่งออกไปยังตลาดอื่น เช่น อินโดนีเซีย

“สหรัฐฯ สามารถเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเซรามิกและเสื้อผ้าถึง 200%  และเราเองก็สามารถทำได้เช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่า อุตสาหกรรรมขนาดจิ๋ว ขนาดย่อม และขนาดกลาง (MSMEs) และอุตสาหกรรมของเราจะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้” เขากล่าว

ท่าทีของรัฐบาลอินโดนีเซียอยู่ในการจับตาของรัฐบาลจีนเช่นกัน ในเวลาต่อมา โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน หลินเจี้ยน กล่าวเมื่อปลายเดือนมิถุนายน จีนรับทราบถึงแถลงการณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียแล้ว และจีนระบุว่าจะเฝ้าติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

“จีนจะติดตามอย่างใกล้ชิดถึงภาษีศุลกากรในเชิงป้องกัน (สินค้าจากจีน) ที่อินโดนีเซียอาจเรียกเก็บจากผลิตภัณฑ์เฉพาะ และจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทจีน” 

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันที่  6 กรกฎาคม Jakarta Globe สื่อของอินโดนีเซียรายงานว่า ลูฮุต บินซาร์ ปันจาอิตัน รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุนของอินโดนีเซีย กล่าวว่าข้อเสนอของรัฐบาลที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้า 200% ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่จีนโดยเฉพาะ และเผยว่านโยบายดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมในประเทศและบรรทัดฐานการค้าระหว่างประเทศ

“เราไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ทุกขั้นตอนดำเนินการโดยยึดตามผลประโยชน์ของประเทศเรา” ลูฮุตกล่าวในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในกรุงจาการ์ตา

ดูเหมือนว่า คำกล่าวของรัฐมนตรีกระทรวงการลงทุนจะแตกต่างอย่างมากจากการเปิดเผยของรัฐมนตรีกระทรวงการค้า ที่ประกาศว่าอินโดนีเซียจะเก็บภาษีจากจีนถึง 200% ซึ่งในเรื่องนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุนได้เปิดเผยว่า “ผมได้พูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าเพื่อหารือเรื่องนี้แล้ว เราตกลงที่จะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของชาติเป็นอันดับแรกโดยไม่ละเลยความร่วมมือกับประเทศที่เป็นมิตร” 

ต่อมาเมื่อวันที่ KrASIA อ้าง Nikkei Asia รายงานเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมว่า อาร์ชาด ราชีด ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย กล่าวกับ Nikkei Asia เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมในระหว่างการเยือนโตเกียว ว่าแนวทางของรัฐบาลอินโดนีเซียนั้น “ขัดต่อตลาด” และบอกว่ามันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา

ราชีด กล่าวว่า “กุญแจสำคัญอยู่ที่ธรรมาภิบาล” มากกว่านโยบายคุ้มครองทางการค้า เพื่อช่วยให้ MSMEs ของอินโดนีเซียเติบโต พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการควบคุมที่เข้มงวดยิ่งขึ้นต่อการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายที่เข้ามาในอินโดนีเซียและสร้างความเสียหายต่อธุรกิจในท้องถิ่น “เพื่อให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม”

กระนั้นก็ตาม แม้ว่ายังไม่มีการขึ้นภาษี 200% แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวว่า "อินโดนีเซียต่ออายุภาษีนำเข้าสิ่งทอเพื่อควบคุมสินค้าจีน" อย่างไรก็ตาม เนื้อหากลับบอกว่า "ใช้ภาษีศุลกากรในเชิงป้องกันการนำเข้าจาก 124 ประเทศ" โดยเริ่มเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา

Photo by Yasuyoshi CHIBA / AFP