บนผืนดินที่แห้งแล้ง ภูเขาหินลูกรัง และลอนลูกคลื่น ผืนดินที่ถูกมองว่า ไม่เหมาะสมกับการทำการเกษตรใดใด ปัจจุบันกลับเป็นที่จดจำในฐานะแหล่งปลูกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่มีรสชาติอร่อยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย กับที่นี่ บ้านหาดไก่ต้อย อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์

บ้านหาดไก่ต้อย กับความหวังบนผืนดินใหม่
บ้านหาดไก่ต้อย ก่อตั้งขึ้นจากการอพยพของผู้คนภายหลังการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ มีลักษณะเป็นภูเขาหินลูกรัง ลอนลูกคลื่น และความแห้งแล้ง ทำให้พื้นที่นี้ไม่เหมาะสมต่อการทำการเกษตรโดยทั่วไป นั่นทำให้ในปี พ.ศ. 2520 หน่วยงานราชการเข้ามาส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูก “มะม่วงหิมพานต์” เนื่องจากเป็นพืชที่มีความทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี ทว่าเมื่อพืชเริ่มให้ผลผลิตกลับพบปัญหาใหญ่ นั่นคือไม่มีใครรู้วิธีกะเทาะเปลือกที่ทั้งหนา ทั้งแข็งได้ ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเลือกที่จะโค่นต้นไม้ทิ้งไป เพราะไม่รู้จะนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
.jpg)
.jpg)
ภูมิปัญญาท้องถิ่น จุดเริ่มต้นความหวัง
แม้จะพบปัญหาแต่มีบางส่วนไม่ท้อถอย นายบุญและนางบุญ ปิสา ชาวบ้านหมู่ที่ 3 สองตายายที่ทดลองหาวิธีกะเทาะเปลือก ผ่านการลองผิดลองถูกหลายหน ในที่สุดก็ค้นพบวิธีคือ การนำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบมาแช่น้ำ นำไปต้ม แล้วใช้มีดแกะเอาเม็ดออกมา



ซึ่งเมื่อได้ชิมก็พบว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ จากจังหวัดอุตรดิตถ์นั้น มีรสชาติ “หวาน มัน เนื้อแน่น อร่อย” เมื่อสองตายายนำเม็ดที่กะเทาะแล้วไปขาย ก็สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้จริง ทำให้กลายเป็นที่สนใจของชาวบ้าน ที่เข้ามาศึกษาเรียนรู้วิธีการจนสามารถกะเทาะเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ได้สำเร็จ ต้นมะม่วงหิมพานต์ที่เคยจะถูกโค่นทิ้ง กลับมีคุณค่าอีกครั้ง และชาวบ้านก็หันกลับมาปลูกมะม่วงหิมพานต์กันมากขึ้น
พลังของความสามัคคี และพันธมิตรที่คอยสนับสนุน
เมื่อผลผลิตเริ่มมากขึ้น ก็มีพ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อเพื่อเม็ดดิบเพื่อนำไปแปรรูป ทำให้ราคาไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับการกำหนดราคาของพ่อค้าคนกลาง ชาวบ้านจึงเกิดการรวมตัวกันจัดตั้ง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหาดไก่ต้อย” ขึ้น ภายใต้การนำของ พี่แอ๊ด หรือ นางวันทรา ผ่านคำ ประธานกลุ่มฯ


พี่แอ๊ด ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหาดไก่ต้อย เล่าว่า การดำเนินงานของกลุ่มฯ ได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ให้การสนับสนุนมาอย่างยาวนานมากกว่า 10 ปี
ทั้งการสนับสนุนงบประมาณการตรวจวิเคราะห์หาคุณค่าทางโภชนาการของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งพบว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์จากจังหวัดอุตรดิตถ์ มีสาร Beta Sitosterol มากที่สุดในประเทศไทย ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดการอักเสบ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน มีสาร GABA ที่ช่วยในเรื่องระบบประสาทและสมอง รวมถึงเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
อีกทั้งยังช่วยพัฒนาออกแบบซองบรรจุภัณฑ์ ที่ทันสมัยและสวยงาม งานวิจัยการทำน้ำมะม่วงหิมพานต์เข้มข้น ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) พัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปน้ำนมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ร่วมกับสถาบันอาหาร รวมถึงนำกลุ่มฯ ไปร่วมจัดแสดงสินค้าในโอกาสต่าง ๆ
ทำให้ชาวบ้านมองว่า กฟผ. ไม่ใช่เพียงหน่วยงานสนับสนุน แต่กลายเป็นเพื่อนร่วมทางที่ไว้วางใจ เป็นส่วนหนึ่งของชาวบ้าน
เพิ่มความแตกต่าง เพิ่มมูลค่า
ปัจจุบันจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบ ได้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ กว่า 14 รายการ ภายใต้แบรนด์ “Queen” ไม่ว่าจะเป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์รสต้มยำ รสปาปริก้า รสโนริสาหร่าย รสบาร์บีคิว รสงาขี้ม่อน คุกกี้ น้ำมะม่วงหิมพานต์ และน้ำนมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุด คือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบน้ำเกลือ ที่ได้รสของธรรมชาติแท้ ๆ มีความอร่อยที่กินแล้วหยุดไม่ได้ อุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย และที่สำคัญคือดีต่อสุขภาพเพราะใช้การอบไม่ใช่การทอด เป็นสินค้าที่มียอดการซื้อซ้ำมากที่สุด


กระบวนการแปรรูปจะใช้ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ในกระบวนการอบแห้ง ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง ประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยผลิตภัณฑ์ 1 ห่อ ขนาด 100 กรัม จะปล่อย CO2 เพียง 0.119 กิโลกรัม คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” จากกระทรวงพลังงาน การันตีว่าเป็นสินค้าที่รักษ์โลก พร้อมขยายฐานการจำหน่ายสู่กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ใช้ทุกส่วนให้เป็นประโยชน์
สิ่งหนึ่งที่น่าทึ่ง คือ ชาวบ้านใช้ทุกส่วนของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้เกิดประโยชน์ นับเป็นการใช้ทรัพยากรแบบ Zero Waste ที่เป็นรูปธรรม ไม่มีอะไรให้เหลือทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์ นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เนื้อมะม่วงหิมพานต์ นำไปทำน้ำมะม่วงหิมพานต์ ส่วนจมูกและเม็ดป่น นำไปทำน้ำนม เมล็ด ใช้เพาะพันธุ์ เยื่อ นำไปทำปุ๋ยหมัก เปลือก ขายให้กับโรงงานสกัดน้ำมัน และ ไม้จากการตัดแต่งกิ่ง ใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการต้มเม็ดมะม่วงหิมพานต์
ผลลัพธ์จากความพยายามคือรางวัลแห่งความสำเร็จ
การดำเนินงานของกลุ่มฯ ทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐานด้านต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เครื่องหมายทางเลือกสุขภาพ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 วิสาหกิจชุมชนดีเด่นระดับประเทศ ประจำปี 2561 รางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพ และผลิตภัณฑ์ OTOP 5 ดาว และกลายเป็นหนึ่งในสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งปัจจุบันสามารถสร้างรายได้เฉลี่ย 2.5 ล้านบาท/ปี
เรื่องเล่าของบ้านหาดไก่ต้อย จึงเป็นมากกว่าสินค้าชุมชน แต่คือภาพสะท้อนของความสามัคคี ซึ่งผสานทั้งความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และนวัตกรรม เข้าด้วยกันจนเกิดเป็นวิสาหกิจชุมชนที่ช่วยสร้างรายได้ เป็นการเปลี่ยนเม็ดพืชเล็ก ๆ ให้กลายเป็นรากฐานของการเติบโตของชุมชนอย่างมั่นคง