นายกฯ นำประชุมกฎหมายสมรสเท่าเทียม เผย เตรียมเสนอครม.สัปดาห์หน้า ลั่น ขอให้สบายใจ ทำได้ รวมถึงการใช้คำนำหน้า ก่อนเข้าสภาฯ ตอบกระทู้ถามสด พรรค รทสช.-ปชป.-ก้าวไกล ส่วนบ่ายนี้ นั่งหัวโต๊ะประชุมก.ตร.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายรับรองเพศสภาพ การยกเลิกการปราบปรามการค้าประเวณี การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ Bangkok World Pride และส่งเสริมงาน Pride Parade การขยายสิทธิบัตรทองเพื่อคนข้ามเพศ ที่ทำเนียบ
นายกฯ กล่าวในช่วงต้นการประชุมว่า ตนต้องขออภัยที่เดินทางมาล่าช้า เนื่องจากว่าติดภารกิจ พร้อมกับกล่าวต่อว่า วันนี้พูดคุยกันเรื่องสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ซึ่งเข้าใจว่าเป็นวันอังคารหน้า วันที่ 31 ตุลาคม 2566 และเป็นวาระแรกที่จะเข้าในการเปิดประชุมสมัยต่อไป ที่จะเริ่มต้นขึ้นประมาณต้นเดือนธันวาคม ซึ่งให้ความสบายใจว่าทำได้ และเข้าใจว่าเรื่องที่ทุกท่านกำลังคุยมานี้ยังมีอีกหลายเรื่อง รวมไปถึงเรื่องการใช้คำนำหน้า
ทั้งนี้ ภาคีกฎหมายภาคประชาชน 3 ฉบับเพื่อความเป็นธรรมทางเพศ จากองค์กรภาคสังคม 36 องค์กร ได้มีการยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้เร่งพิจารณากฎหมายสมรสเท่าเทียมและกฎหมายอื่นๆ ดังนี้
1.) กฎหมายสมรสเท่าเทียม หรือ (ร่าง) พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ....
2.) กฎหมายการรับรองเพศสภาพ หรือ (ร่าง) พระราชบัญญัติรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ การแสดงออกทางเพศสภาพและคุณลักษณะทางเพศ พ.ศ....
3.) การทำให้พนักงานบริการถูกกฎหมาย หรือ (ร่าง) พระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539
โดยกลุ่มดังกล่าว มองว่า ร่างกฏหมายทั้ง 3 ฉบับ มีความสำคัญอย่างต่อการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและยุติธรรม ฉะนั้นจึงต้องการการสนับสนุนตามนโยบายรัฐบาล
อย่างไรก็ตามหลังการประชุมเสร็จ นายกฯ จะเดินทางเข้ารัฐสภา เพื่อไปตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจา จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ประเด็นต่างๆ อาทิ ปัญหาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายกรุงเทพ - หัวหิน ช่วงจังหวัดราชบุรีที่ล่าช้า จากพรรครวมไทยสร้างชาติ / ปัญหาการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน จากพรรคประชาธิปัตย์ / ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่พันธุ์ของปลาหมอสีคางดำ จากพรรคก้าวไกล / แนวทางยกเลิกภาษีผ้าอนามัย จากพรรคก้าวไกล เป็นต้น
ขณะที่เวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรี จะไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 12/2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อ