“ชัยธวัช” ไม่ปิดประตู “เพื่อไทย” ตัดสินใจกลับมาจับมือ “ก้าวไกล” ห่วง จัดตั้งรัฐบาลไม่ราบรื่น ได้นายกฯจากขั้วอำนาจเดิม รับผิดพลาดคุณสมบัติ “สส.ระยอง”
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เผยถึงกระแสต้องการให้พรรคเพื่อไทย กลับมาจับมือกับพรรค ก้าวไกล เพื่อมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มองว่ามีโอกาสมากน้อยเพียงใด ว่า อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคก้าวไกล ยังไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ตอนนี้เราก็เตรียมพร้อมทำงานไม่ว่าจะในบทบาทใด
เมื่อถามว่า เป็นการผลักให้พรรคก้าวไกลมาเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นห่วงว่าสถานการณ์ในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ราบรื่น เสียงสนับสนุนจากสว.ที่เคยคิดว่าอาจจะได้ก็อาจจะมีปัญหาเท่าที่ติดตามในกระแสข่าว ส่วนความกังวลในการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะพลิกขั้วแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วนั้น ตนคิดว่าไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกลที่กังวล แต่ประชาชนก็ไม่อยากเห็นการพลิกขั้วรัฐบาลที่นายกฯ มาจากขั้วอำนาจเก่า
เมื่อถามว่า หลังจากที่มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยครั้งล่าสุดคือช่วงพรรค เพื่อไทยแถลงขอถอนตัวออกจาก 8 พรรคร่วมฯ จนถึงขณะนี้ยังมีการติดต่อกันอยู่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไรต่อในการโหวตนายกฯ ครั้งถัดไป นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในพรรค เพราะยังพอมีเวลาตัดสินใจ เราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปถึงจุดไหน เมื่อใกล้ช่วงวันโหวตนายกฯ คงจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ระหว่างนี้ก็ต้องมีการจัดเตรียมเพื่อเลือกตั้งซ่อมที่จ.ระยองเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งหรือไม่นั้นระหว่างอยู่ในกระบวนการ ความจริงแล้วพรรคจะตรวจเช็กประวัติอาชญากรรมของผู้สมัครทุกคน แต่ไม่มีในระบบ เจ้าตัวและทีมงานในจังหวัดก็เข้าใจผิดเรื่องข้อหาว่า เข้าข่ายคุณสมบัติต้องห้ามหรือไม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาด
เมื่อถามว่า หากมีโอกาสที่จะกลับไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยจริงๆ หลักการในการที่จะกลับไปจับมืออีกครั้งมีเงื่อนไขอย่างไร นายชัยธวัชกล่าวว่า ต้องคุยกับกรรมการบริหารพรรคและส.ส. ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ คงบอกล่วงหน้าไม่ได้ ส่วนของท่าทีส.ส. ของพรรคก้าวไกลเช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร บอกว่า มีโอกาสก็จะถอยหลังกลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกลนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล และตอนนี้ยังไม่มีการประสานงานกับพรรคเพื่อไทย เพื่อพูดคุยเรื่องนี้ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้
เมื่อถามว่า มองคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นนายกฯ ในสถานการณ์เช่นนี้ไว้อย่างไรบ้าง นายชัยธวัชกล่าวว่า คุณสมบัติเป็นเรื่องพื้นฐาน พรรคที่ชนะการเลือกตั้งและรวมเสียงข้างมากได้ควรจะเป็นนายกฯ ถ้าเราไปตั้งเงื่อนไขเยอะ ซึ่งแต่ละฝ่ายก็จะมองไม่เหมือนกัน ตรงนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งและวุ่นวายทางการเมือง ถ้ามีการพิจารณานโยบายด้วย ซึ่งนโยบายและคุณสมบัตินั้นประชาชนได้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งแล้ว พรรคไหนได้รับความนิยมเยอะแสดงว่าประชาชนเห็นด้วย ตรงนี้เป็นการหาข้อยุติและเห็นต่างทางการเมืองที่สันติที่สุดแล้ว ถ้าเราไม่อิงเกณฑ์นี้จะทำให้การเมืองไปต่อไม่ได้และสร้างปัญหาในอนาคตแน่นอน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยก็มีหลายรัฐบาลที่พรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้มาจากพรรคอันดับ 1 นายชัยธวัช กล่าวว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดในสถานการณ์ที่เป็นประชาธิปไตยปกติ มันคือช่วงประชาธิปไตยครึ่งใบบ้าง ในช่วงเผด็จการบ้าง และอยู่ในช่วงที่เผด็จการยังสืบทอดอำนาจอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นเราคิดว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะกลับมาสู่ประชาธิปไตยปกติ เมื่อปี 2562 พรรคที่ชนะอันดับ 1 รวบรวมเสียงไม่ได้ข้างมากเนื่องจากมีการกดดันกัน ทำให้เสียงข้างมากไปอยู่ที่พรรคอันดับ 2 แบบนี้ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติก็คงจะไม่เกิด
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนพิจารณารับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็เลื่อนการเดินทางกลับ มองว่าเป็นนัยยะทางการเมืองหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า คิดว่าในเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญคงจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เลยยังไม่มีมติอะไรออกมาว่าจะรับคำร้องหรือไม่ ส่วนเรื่องนายทักษิณคงตอบแทนไม่ได้