ตั้งรัฐบาลช้าแล้วช้าอีก สะเทือนเศรษฐกิจระยะสั้น

ตั้งรัฐบาลช้าแล้วช้าอีก สะเทือนเศรษฐกิจระยะสั้น
นักวิชาการฟันธง เศรษฐกิจรอรัฐบาลใหม่ช้าแล้วช้าอีก จนทำใจได้ แต่เป็นห่วงความวุ่นวายหลังมีรัฐบาลบานปลายจนกระทบเศรษฐกิจชะงัก

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีการเลื่อนรับเรื่องร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ประเด็นการโหวตนายกฯ รอบ 2 ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกไปเป็นวันที่ 16 ส.ค. 66 เพราะต้องการข้อมูลเพิ่ม 

การเลื่อนของศาลฯ ดังกล่าว ส่งผลให้กาตั้งรัฐบาลใหม่ถูกชัตดาวน์ชั่วคราวทันที เพราะรัฐสภาประกาศเลื่อนการโหวจนายกที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 ส.ค. 66 นี้ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าศาลจะมีความชัดเจนเป็นที่สิ้นสุด

ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ก็เลื่อนการแถลงข่าวพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ออกไปไม่กำหนดเช่นกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้การตั้งรัฐบาลใหม่อยู่ในสุญญากาศไปอย่างน้อยถึงวันที่ 16 ส.ค. และหลังจากนั้นยังต้องลุ้นว่า จะหลุดออกจากสุญญากาศเดินหน้าตั้งรัฐบาลโหวตนายกใหม่ได้หรือไม่

นักวิชาการด้านเศรษฐกิจ มองตรงกันว่า ความล่าช้าการตั้งรัฐบาลกระทบกับเศรษฐกิจไทยระยะสั้นแน่นอน เห็นได้จากตลาดหุ้นที่ตกลงมากทันที เพราะนักลงทุนต้องการรอความชัดเจนว่าหน้าตารัฐบาลใหม่เป็นอย่างไร

นอกจากนี้ เศรษฐกิจยังเสียโอกาสของนักลงทุน ที่จะลงทุนใหม่ชะลอออกไปก่อน และนักลงทุนที่คิดจะมาลงทุนในไทย ก็ยังไม่ยอมเข้ามาลงทุนจนกว่าจะเห็นหน้าตารัฐบาลใหม่

แต่ในแง่ผลกระทบระยะยาว นักวิชาการคิดว่า การตั้งรัฐบาลช้ายังไม่ผลกระทบเศรษฐกิจมากอย่างมีนัยสำคัญ เพราะต่างคาดการณ์กันแล้วว่า การตั้งรัฐบาลจะล่าช้าอยู่แล้ว

โดยหลังเลือกตั้งเดือน พ.ค. 66 นักวิชาการด้านเศรษฐกิจ ร่วมถึงนักลงทุนประเมินว่า ประเทศไทยจะได้รัฐบาลชุดใหม่เดือน ก.ค. หรือ อย่างช้าเดือน ส.ค. 66

ซึ่งหากจะเกิดความล่าช้าออกไปอีก ก็เลยกลายเป็นเรื่องปกติ เพราะคิดว่า ถ้าเดือน ส.ค. 66 ไม่ได้หน้าตารัฐบาลใหม่ เดือน ก.ย. 66 ก็น่าจะเล่นรัฐบาลใหม่

ผลกระทบการตั้งรัฐบาลช้าที่มีผลกระทบกับเศรษฐกิจ คือ เรื่องงบประมาณ 2567 ที่ต้องเริ่มใช้เดือน ต.ค. 2566 เดิมคาดว่าจะช้าไป 6 เดือน หากจะช้าไป 7 เดือน ก็ต้องทำใจ

แต่สิ่งที่นักวิชาการด้านเศรษฐกิจเป็นห่วงมาก คือ การตั้งรัฐบาลแล้วจะมีเสถียรภาพแข็งแรงขนาดไหน เพราะความไม่แน่นอนของพรรครัฐบาล จากพรรคก้าวไกลเป็นแกน ส่งไม่ต่อให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการฉีกเอ็มโอยู ขอจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว และเทให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน

นอกจากนี้ การเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ให้โหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ถูกตรวจสอบเรื่องธรรมมาภิบาลสมัยเป็นผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ จะทำให้นานเศรษฐา ได้รับโหวตเป็นนายกหรือไม่ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าการันตี

ขณะเดียวกันหน้าตาของรัฐบาลเพื่อไทย จะไม่มีพรรคก้าวไกล แต่อาจจะมีพรรค 2 ลุง แบบยกพรรค หรือ แบบสอยพรรคมา ล้วนแล้วแต่เป็นชนวนความไม่พอใจให้กับแฟนคลับพรรคก้าวไกล ที่อกหักซ้ำซ้อนเกินจะรับไหว ตั้งแต่นายพิธา ไม่ได้เป็นนายก พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล และยังโดนเตะมาเป็นฝ่ายค้านอีกต่างหาก

ดังนั้นปมร้อนการเมืองที่มีผลกับเศรษฐกิจตอนนี้ จึงไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลได้ช้าหรือเร็ว แต่สำคัญว่ารัฐบาลใหม่ที่ออกมาหน้าตาจะเป็นอย่างไร จะรักษาความสงบของมาลชน ไม่ให้เกิดการประท้วงจนบายปลายไม่จบไม่สิ้นเหมือนที่เกิดขึ้นมาในอดีต ซึ่งจะผลกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก และนักลงทุนทั้งไทยและเทศจับตามองไม่กระพริบ

TAGS: #ตั้งรัฐบาลใหม่ #เพื่อไทย #ก้าวไกล #เศรษฐกิจ