สว.วันชัย มั่นใจได้นายกฯจากเพื่อไทย จี้เร่งตั้งรัฐบาล แก้ปัญหาประชาชน แนะมองข้ามพรรคเผด็จการ ชี้ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว เชื่อสว.พร้อมหนุนหากแก้ปัญหาม.112 ได้
วันที่ 2 ส.ค.นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) กล่าวถึงการประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ โดยเชื่อว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี จะจบที่พรรคเพื่อไทยเพราะพรรคเพื่อไทย รับทราบปัญหาการตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาแล้ว และศักยภาพของพรรคเพื่อไทย ก็สามารถประสานได้กับทุกฝ่าย ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยแก้ปัญหาได้ และประสานทุกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว การลงมติก็น่าจะผ่านไปได้ เพราะประชาชน รอรัฐบาลชุดใหม่มานานแล้ว หากทอดเวลาให้นานออกไปก็จะเป็นปัญหาต่อประชาชน โดยขอให้พรรคเพื่อไทย กล้าดำเนินการยึดการแก้ปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง พรรคเพื่อไทย ก็จะสามารถตั้งรัฐบาลได้แน่นอนไม่ว่าจะทางใด
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสเรียกร้องไม่ให้พรรคเพื่อไทย เชิญพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วมรัฐบาลด้วย หรือแม้แต่การให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน นายวันชัย กล่าวว่า ไม่ว่าจะข้ามขั้ว ขั้วเดิมก็จะเกิดปัญหาการวิพากษ์วิจารณ์ แต่เชื่อว่า พรรคเพื่อไทย ก็จะสามารถจัดตั้งได้ จึงขอสื่อสารไปถึงเพื่อไทยให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และรีบทำงานโดยเร็ว เพราะประชาชนวิตกกังวล รอการแก้ปัญหาจากรัฐบางอยู่ อย่าวิตกกังวลเรื่องขั้วอำนาจ เพราะหากพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลแล้ว ประชาชนนิยมชมชอบ การเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนก็จะยังเลือกพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าเป็นรัฐบาลแล้ว ไม่มีผลงาน ประชาชนก็จะไม่นิยม พรรคเพื่อไทย ก็จะแพ้ทุกพรรคการเมือง และแพ้ภัยตัวเองด้วย
นายวันชัย กล่าวถึงกรณีที่สังคมยังมีข้อถกเถียงเรื่องพรรคการเมืองเผด็จการ ว่า สส.มีศักดิ์ศรี และมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งข้อครหาดังกล่าว ควรจบลงตั้งแต่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว จึงขอให้พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องคำนึงว่า พรรคการเมืองใดเผด็จการ เพราะ สส.ล้วนมาจากการเลือกตั้งเหมือนกันทั้งหมด
ส่วนสาเหตุที่ สว.ไม่ยอมรับแกนนำของพรรคก้าวไกล เพราะกังวลต่อนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งพรรคเพื่อไทย น่าจะรับทราบปัญหาดีอยู่แล้ว และถ้าเพื่อไทยลดปัญหาดังกล่าวได้ ก็ไม่น่ามีปัญหาจาก สว. เพราะ สว. เห็นว่า การแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะกระทบต่อสถาบันหลักของชาติ และความมั่นคงประเทศ หรือหากยังมีพรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย ก็ไม่มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย จะได้เสียงความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถึง 375 เสียงหรือไม่ แม้พรรคเพื่อไทยจะพลิกบทบาทมาเป็นแกนนำรัฐบาลแล้วก็ตาม ดังนั้น จึงเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย จะสามารถพิจารณา และตัดสินใจได้เองได้ โดยที่ตนเอง สว.ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปชี้นำ หรือแนะนำได้
ส่วนกรณีที่มีกระแสโจมตีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่คิดจะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะกระทบต่อการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายวันชัย กล่าวว่า นโยบายดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในนโยบายของพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้คิดจะแก้ ซึ่งทางพรรค ได้ออกมาชี้แจงแล้ว หากพรรคเพื่อไทย ยืนยันที่จะดำเนินนโยบายดังกล่าว ก็จะเกิดปัญหา
นายวันชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เตรียมออกมาเปิดโปงการหลบเลี่ยงภาษีของนายเศรษฐา จะมีผลต่อการตัดสินใจของ สว.หรือไม่ว่า สว.แต่ละคน จะมีเหตุผลส่วนตัว แต่ข้อร้องเรียนของนายชูวิทย์นั้น ยังไม่ได้ถึงชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ แตกต่างจากกรณีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้ากรรคก้าวไกล ที่เรื่องถึง กกต.และศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
ส่วนกรณีที่มีการล่าแม่มด สว.ที่ลงมติไม่เห็นชอบให้พรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี นายวันชัย กล่าวว่า สว.ประสบปัญหากันทั้งหมด ตนเองแสดงความเห็นเพียงบางส่วนก็ยังถูกโจมตี และยิ่งใครเคลื่อนไหวเป็นฝ่ายตรงข้ามพรรคก้าวไกล ก็จะโดนเหมือนกันหมด โดยใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือ แต่เพื่อการคัดค้านบางนโยบายของพรรคก้าวไกล เพื่อประเทศ สว.ก็ต้องยอมรับ
นายวันชัย กล่าวถึงกรณีที่มี สว.ปิดสวิตช์ตนเอง ด้วยการลงมติงดออกเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรีว่า สว.ส่วนหนึ่งที่งดออกเสียงเพื่อไม่ลงมติให้ใครนั้น บางคนพูดไปตามสถานการณ์นั้นๆ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแล้ว ก็เชื่อว่า สว.ที่ปิดสวิตช์ตนเองส่วนหนึ่งจะเปลี่ยนใจ เพื่อสนับสนุนให้การจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ