“ประเสริฐ” ย้ำ “เพื่อไทย” ควรได้ประธานสภา ลั่นได้เสียงส.ส.เขตได้เท่ากัน เผยยังไม่เสนอชื่อแข่งรอเจรจาอีกรอบ
วันที่ 25 พ.ค.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพูดคุยตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร กับพรรคก้าวไกล ในวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา 8 พรรคได้ลงนามเอ็มโอยู เพื่อไทยได้แจ้งความประสงค์ถึงตำแหน่งดังกล่าวไปยังแกนนำพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคก้าวไกลบอกว่าขอเวลาอีก 2-3 วัน เพื่อจะเอาคำตอบมาให้ และขณะนี้ก็รอพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่าหลายคนในพรรคก้าวไกลระบุว่าตำแหน่งประธานสภาต้องเป็นของพรรคก้าวไกลเท่านั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนว่ากองเชียร์ทั้ง 2 ฝั่งก็ประสงค์จะให้ ส.ส.และแกนนำของแต่ละพรรคเป็น และหากมองอดีตที่ผ่านมา ปี 62 ประธานสภาก็เป็นนายชวน หลีกภัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นพรรคลำดับที่ 4 และตนมองว่าด้วยความที่เสียงใกล้กันมาก โดยเฉพาะ ส.ส.เขตที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้ 112 เท่ากัน
ฉะนั้น อยากให้มีการพูดคุยกันเพื่อหาทางออก และเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเคยประสานงานไปแล้ว จึงอยากให้บรรยากาศการทำงานเป็นไปได้ด้วยดี เพราะได้ลงนามเอ็มโอยูไปแล้ว ไม่อยากให้บางเรื่องมาเป็นอุปสรรค
เมื่อถามว่าจะต้องนัดพูดคุยกันอย่างเป็นทางการอีกครั้งหรือไม่ เพราะก้าวไกลประกาศชัดเจนว่าตำแหน่งประธานสภาต้องเป็นของพรรคก้าวไกล นายประเสริฐ กล่าวว่า ต้องพูดคุยกัน เพราะหากปล่อยให้ต่างฝ่ายออกมาพูด ก็ไม่จบ ยิ่งนานก็ไม่ใช่ผลดี หากมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการเรื่องคงจบได้ ที่ผ่านมาการคุยกับพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมอื่นๆ บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดีทุกครั้ง ไม่มีบรรยากาศที่เป็นอุปสรรค
เมื่อถามย้ำว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงยืนยันว่าตำแหน่งประธานสภาต้องเป็นของพรรคก้าวไกล จะต้องคุยกันใหม่หรือไม่ นายประเสริฐ กล้าวว่า ทั้ง 2 ฝั่งต่างออกมาพูดว่าตำแหน่งต้องเป็นของฝั่งไหน ซึ่งประธานสภาเป็นตำแหน่งสำคัญ อยากให้คำนึงถึงความเหมาะสม แต่ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ยอม พรรคเพื่อไทยคงต้องกลับมาหารือกันอีกครั้งว่าแกนนำหรือกรรมการบริหารพรรคจะว่าอย่างไร
เมื่อถามว่าจะถึงขั้นกระทบกับการจับมือตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เรายืนยันเจตนารมณ์ชัดเจนตั้งแต่ต้น และวันนี้ยังยืนยันอยู่ว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ในฐานะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จุดยืนนี้ไม่เปลี่ยน ส่วนเรื่องประธานสภาเป็นคนละกรณีกัน ซึ่งไม่มีในเอ็มโอยูด้วย
เมื่อถามว่า 10 เสียงที่ห่างกันไม่ได้มาก พรรคเพื่อไทยถอยให้กับพรรคก้าวไกลพอสมควรหรือยัง นายประเสริฐ กล่าวว่า พอสมควรเพราะ 10 เสียงเป็นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ต่างกันเท่านั้น ที่จริงหากพรรคก้าวไกลได้รับการเลือกตั้งส.ส.เกินครึ่งหนึ่งคือ 250 จะจบ ปัญหานี้ไม่เกิดแน่นอน และในอดีตพรรคที่ได้ลำดับที่ 1 กับลำดับที่ 2 จะมีข้อแตกต่างกัน มีความชัดเจนว่าลำดับที่ 1 คะแนนห่างจากลำดับที่ 2 และเป็นคนละฝั่งกัน แต่ครั้งนี้เป็นฝั่งประชาธิปไตยเหมือนกัน และไม่มีพรรคใดที่ได้เสียงเกินครึ่งหนึ่ง จึงอยากให้ทุกฝ่ายมองถึงความเหมาะสม
ย้ำว่าตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่สำคัญ เป็นตำแหน่งศักดิ์ศรีของประเทศ เป็นหมายเลข 1 ของนิติบัญญัติ ฉะนั้น การตั้งประธานสภาต้องใช้ความละเอียดอ่อน และอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าคุยกัน ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล ได้นายกฯ เบอร์ 1 ไปแล้ว ถ้าเพื่อไทยจะมีโอกาสทำงานตรงนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
เมื่อถามว่าจะถึงขั้นเสนอชื่อแข่งกันหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ยังไม่อยากให้มองอย่างนั้น เมื่อถามว่าพรรคมีรายชื่อในใจว่าจะเสนอใครแล้วหรือยัง นายประเสริฐ กล่าวว่า กรรมการบริหารพรรคต้องนำมาหารือในที่ประชุมอีกครั้ง
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีชื่อของนพ.ชลน่าน นายประเสริฐ กล่าวว่า นพ.ชลน่านมีความเหมาะสม มีประสบการณ์ในสภา เป็นส.ส. 6 สมัย เก่งเรื่องข้อบังคับ รวมถึงยังเป็นหัวหน้าพรรคด้วย ซึ่งหัวหน้าพรรคหนึ่งเป็นนายกฯ และหัวหน้าพรรคหนึ่งเป็นประธานสภาก็ไม่เลว