"ดร.เอ้" เปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส. พรรคไทยก้าวใหม่ 22 คน ชี้ถึงเวลาประเทศไทยต้อง "ก้าวใหม่" เลิกจมหนี้–จมน้ำ พร้อมเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
ที่ Victor Club, FYI Center ชั้น 2 ถนนพระราม 4 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ “ดร.เอ้” หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ แถลงเปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรค จำนวน 22 คน โดยระบุว่า ตลอด 2 เดือน นับตั้งแต่การเปิดตัวพรรคเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พรรคไทยก้าวใหม่ยึดอุดมการณ์การเมืองแบบสร้างสรรค์ มุ่งแก้ปัญหาความขัดแย้งที่สั่งสมมายาวนานกว่า 20 ปี และตั้งใจทำงานเพื่อคนไทยทุกกลุ่ม ให้หลุดพ้นจากความยากจนและความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่

ดร.เอ้ ระบุว่า เพิ่งลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ และพบภาพ “โลกสองใบ” ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ระหว่างผู้คนในเมืองใหญ่ที่ใช้ชีวิตท่ามกลางความสะดวกสบาย กับประชาชนจำนวนมาก ซึ่งยังเผชิญความลำบากขั้นพื้นฐาน ทั้งเด็กที่ไม่มีอาหารเช้าให้กิน ผู้สูงอายุที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ และครอบครัวที่ไม่มีรายได้เพิ่มแม้เพียงวันละ 100–200 บาท
ขณะที่ผู้พิการจำนวนมากต้องพึ่งสวัสดิการ เพียงเดือนละ 1,000 บาท ทั้งนี้ ประชาชนใน “โลกใบที่สอง” เหล่านี้กำลังถูกดึงเข้าสู่ภาวะหนักหน่วงเหมือน “หลุมดำ” และหากประเทศไม่เปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างโดยเร็ว ทั้งครอบครัว และประเทศชาติอาจถูกแรงดึงดูดนั้นกลืนลงสู่ความยากจนอย่างถาวร
ดร.เอ้ กล่าวว่า ประเทศไทยไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ขณะที่ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ ความยากจนในชุมชนเมือง และความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา กำลังขยายตัว จนกลายเป็นวิกฤตระดับประเทศ พรรคไทยก้าวใหม่จึงตั้งใจเปลี่ยนประเทศด้วยหลักคิดเชิงวิชาการและอุดมการณ์ที่ชัดเจน ไม่ปล่อยให้ประเทศไทยซ้ำรอยความผิดพลาดเดิม
หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ยังระบุว่า ผู้ที่มาร่วมในวันนี้ล้วนเป็นคนที่มีความสามารถ ทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ผู้ประกอบวิชาชีพต่าง ๆ รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่ตัดสินใจ “ก้าวออกจากโลกใบเดิม” เพื่อรับใช้ประชาชน โดยเชื่อว่าการรวมพลังครั้งนี้จะส่งความหวังให้ประชาชนเห็นว่าประเทศไทยยังมีทางเลือกใหม่ที่ตั้งใจทำงานจริง ไม่เล่นการเมืองแบ่งขั้ว
“วันนี้ประเทศไทยรอไม่ได้ ต้องออกมาก้าวใหม่ ต้องเลิกจมทั้งหนี้และจมน้ำ นี่คือเวลาที่เราจะเดินไปพร้อมกับประชาชน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริงทั้งจังหวัด เขตเลือกตั้ง และประเทศไทยของเรา”
จากนั้น ดร.เอ้ ได้มอบเสื้อและหมวกให้แก่ผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส. ทั้ง 22 คน ได้แก่
1.ว่าที่ ร.อ.พรเนตร ศรีทอง (กาญจนบุรี)
2.อำนาจ ทัดสวน (กาญจนบุรี)
3.ปกาศิต วิเศษแก้ว (ขอนแก่น)
4.ระพีพร ชำนาญเวช (จันทบุรี)
5.พชรดนัย ใจเที่ยง (จันทบุรี)
6.ดิเรก ผาสุขมูล (ชัยภูมิ)
7.ธีรวุฒิ พงษ์จันทร์ (ชัยภูมิ)
8.ประเสริฐศักดิ์ ขำหินตั้ง (ชัยภูมิ)
9.เทพบัญชา ทุมโยมา (บึงกาฬ)
10.ดร.ทรงพล บุญสวัสดิ์ (ปทุมธานี)
11.พ.ต.อ.เอกราช หุ่นงาม (ประจวบคีรีขันธ์)
12.สธานนท์ ใยบำรุง (ประจวบคีรีขันธ์)
13.ดร.ประภาส เนื่องแก้ว (มหาสารคาม)
14.พันเอก (พิเศษ) สมเพชร ปาปะโข (มหาสารคาม)
15.สุปรีชา พุทธคุณ (ยโสธร)
16.อภิรักษ์ชัยชนะ ปันยารชุน (ราชบุรี)
17.ดนิตา มาบุญธรรม (ร้อยเอ็ด)
18.เกียรติศักดิ์ สุดแดน (สระแก้ว)
19.อภิวัฒน์ จันแปรน (สระแก้ว)
20.นงรัตน์ จันทะมา (สระแก้ว)
21.ชาญ สุคนธ์ (สระแก้ว)
22.รักษา สุนินทบูรณ์ (สุรินทร์)
ขณะเดียวกัน นายสุชัชวีร์ ยังแถลงนโยบายด้านการศึกษา ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญภัยหลายด้าน ทั้งอุทกภัย วาตภัย และปัญหาเศรษฐกิจ แต่ภัยที่รุนแรงที่สุดคือ “ปัญญาภัย” หรือภัยจากความไม่รู้ ซึ่งกำลังเกิดขึ้น ในประเทศไทยอย่างชัดเจน เมื่อคนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้
ดังนั้น การศึกษา คือ “ยาแก้จน” และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่ที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่เคยบริหารการศึกษา โดยใช้ความรู้หรือปัญญาอย่างแท้จริง ส่งผลให้เมื่อเกิดภัยพิบัติหรือปัญหาระดับโครงสร้าง รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากนั้น นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ กล่าวเปิดนโยบายด้านการศึกษา ว่า รัฐบาลแก้ปัญหาผิดวิธี เพราะเน้นผลประโยชน์ระยะสั้นเพื่อให้ได้คะแนนนิยม โดยการแจกเงิน เพื่อหวังจะได้คะแนน เป็นการซื้อเวลาแบบไม่สร้างอนาคต รัฐบาลเล่นง่าย แต่กำลังทำลายอนาคตของชาติ นโยบายของรัฐบาลไม่มีการลงทุนกับคนเลยแม้แต่บาทเดียว
นายวราวิช กล่าวต่อว่า พรรคไทยก้าวใหม่ เชื่อว่าคนไทยทุกคนคือต้นน้ำของเศรษฐกิจดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำ คือการลงทุนสร้างคน และคนเท่านั้นที่จะเป็นทางรอดทางเดียวของประเทศ เพราะเราไม่เคยลงทุนสร้างคนมาก่อนเลย เราจะสร้างทุนมนุษย์สร้างคนไทยทุกคนให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น เราจะทำทันที โดยแบ่งคนไทยออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มแรกคือกลุ่มอนาคต ที่กำลังเรียนอยู่ และกลุ่มคนปัจจุบันคือคนที่จบไปแล้ว
นายวราวิช กล่าวอีกว่า นโยบายที่จะนำไปช่วยกลุ่มคนปัจจุบันคือ ต้องเอาเทคโนโลยีไปช่วยคนตัวเล็ก เกษตรกร SME และมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ ดังนั้นจึงมีนโยบาย คือ1.ให้ทุนกับเกษตรกรที่มีบุตรหลานเป็นยุวเกษตรอัจฉริยะ โดยจะส่งอุปกรณ์และคนลงไปสอน 2. นโยบายพลิกชีวิต SME รายย่อย จะไม่สอนแต่จะส่งทีมไปช่วย และ3. สกิลปังกระเป๋าตุง ด้วยการทำรีสกิล อัพสกิล
นายวราวิช กล่าวด้วยว่า ขณะที่กลุ่มอนาคต เราต้องรื้อโครงสร้างการศึกษาทั้งระบบ เพราะมีความเหลื่อมล้ำ เด็กหลุดออกจากระบบจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเด็กไทยต้องมีทักษะในอนาคต คนมาไม่ตรงปัญหาการศึกษาที่ผลิตคนไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ทั้งมหาลัยและอาชีวะ ทำให้ต้องมี5 นโยบายนื้อระบบการศึกษา คือ 1. Digital transformation ทำแพลตฟอร์มสำหรับการศึกษาระดับชาติที่เป็น Big Data ที่ไม่ใช่แค่กระทรวงศึกษา อาชีวศึกษา แต่รวมถึงอุดมศึกษาด้วย ,ต้องมีระบบการจัดการโรงเรียน ที่จะต้องไม่ใช่หน้าที่ของครู , ความรู้ที่ดีขึ้นระบบออนไลน์ เพื่อให้ครูรุ่นใหม่ได้ศึกษา ,และจะต้องมีครูเพอ่มเขึ้นจาก4แสนคน เป็น8แสนคน โดยใช้ AI เป็นครูผู้ช่วยในการทำการเรียนการสอน และจะนำงานวิจัยขึ้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ 2. Re-Engineering ต้องบริหารจัดการแบบกระจายอำนาจ, ยกเลิกภารกิจครูที่ไม่เกี่ยวกับการสอนโดยสิ้นเชิง ,ยกเลิกระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนการสอน ,เรียนรู้ได้จากผู้เชี่ยวชาญ ,ครูครบชั้น ครูตรงวุฒิต้องมี, งบประมาณต้องมีการเสนอขึ้นมาจากเขต 3. Re-Design เด็กวันนี้ต้องมีทักษะ 4C และเน้นการเรียนรู้แบบทำความเข้าใจ, จะต้องมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่2 ต้องสอน AI ตั้งแต่ป.1, เลิกฟัง จด ท่องสอบ และสร้างอาชีวะเฉพาะทาง และต้องเพิ่มสาขาในมหาลัยให้มากขึ้น 4. อัพสกิล รีสกิล ข้าราชการทุกระดับชั้นที่เกี่ยวกับการศึกษาต้อง up skill ทั้งหมด ครูอาชีวะต้องไปทำงานตอนปิดเทอม และ5. โรงเรียนดีใกล้บ้าน จะลดความเหลื่อมล้ำ มีครูตรงวุฒิครบชั้นและทันสมัยได้
“ฉะนั้นเราจะเลิกทน เลิกจน ลงทุนสร้างคนกับไทยก้าวใหม่ ถ้าเราเป็นรัฐบาล ปีหน้าเศรษฐกิจจะโตเป็น 2%” นายวราวิช กล่าว
นายวราวิช กล่าวว่า นโยบายสำหรับเด็ก 1.ต้องเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ไม่มีหนี้ เรียน3 ปีเพียงพอแล้ว ยกเว้นบางวิชาชีพ ต้องจะเพิ่มอาหารเช้า 5 วัน 5 หมู่ 10 มื้อ ส่งลูกเรียนได้เงิน นโยบายสำหรับคนเรียนจบแล้ว คือ 1.เลิกทำงานไร้ประโยชน์ 2.เลิกทำงานที่เพิ่มภาระและไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง 3.เลิกทำวิทยฐานะแบบไร้เหตุผล 4.มีเงินใช้ระหว่างเรียน และ5. Portfolio แบบดิจิตอลตลอดชีวิต
ด้านนายสุชัชวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายการศึกษาของรัฐบาลไทยก้าวใหม่เราต้องรื้อ และนี่คือสิ่งที่ทำได้จริงพรรคไทยก้าวใหม่ทำแล้วและจะทำให้กับโรงเรียนทุกโรงเรียนในประเทศไทย